นายสมชายพูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต   เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะเครื่องดื่มทั้งแอลกอฮอล์  และสุราลดลง เป็นผลมากเหตุการณ์ทางการเมืองทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติยกเลิกการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเป็นจำนวนมากจึงทำให้ฐานภาษีดังกล่าวได้รับผลกระทบไปด้วยเพราะปกติในเดือนพ.ย.-ม.ค.เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น  และการเก็บภาษีเฉลี่ยต่อเดือนจะอยู่ที่ 30,000ล้านบาท                 สำหรับแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต ในปีงบประมาณ 57 อยู่ที่  463,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา  เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างเต็มที่มีการหารือกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องถึงแนวโน้มของธุรกิจในแต่ละประเภทว่ามีทิศทางเป็นอย่างไรบ้างซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี จึงเชื่อว่าการเก็บรายได้ยังเป็นไปตามเป้าที่วางไว้  ส่วนความขัดแย้งทางการเมืองจนทำให้มีการปิดสถานที่ราชการสำคัญ โดยเฉพาะกระทรวงการคลังนั้นยังไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกรมฯ มากนัก โดยทุกส่วนยังดำเนินงานได้แต่อาจไม่เต็มศักยภาพ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องอินเตอร์เน็ตเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนกรณีที่นักวิชาการและสถาบันการศึกษาหลายแห่งเสนอแนะให้รัฐบาลมีการปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจากปัจจุบันอยู่ที่ 0.005 บาทต่อลิตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลนั้น เป็นเรื่องของนโยบายฐบาล ซึ่งกรมฯมีหน้าที่ดำเนินการตามนโยบายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม  ก่อนหน้านี้ภาษีฯ น้ำมันดีเซลจัดเก็บในอัตรา5.31 บาทต่อลิตรและหลังจากที่ลดลงมาเหลือ 0.005 บาทต่อลิตรทำให้รายได้หายไป 9,000ล้านบาท แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ2557 (ต.ค.-พ.ย. 56) ลดลง 2,000  ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้30,000 ล้านบาท  เนื่องจากจากเก็บภาษีรถยนต์ที่ชะลอลงเพราะสิ้นสุดโครงการรถคันแรก และการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่ทำได้ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้                    

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ยอดเก็บภาษีสรรพสามิตวูบ

Posts related