เมื่อพุธที่แล้วผมชวนคุณผู้อ่านมาคุยกันเรื่องแนวโน้มนวัตกรรมในปี ค.ศ. 2014 ซึ่งพูดถึงหลายเทคโนโลยีที่น่าจะมาแรงในปีนี้ แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีครับ ที่แม้ตอนนี้จะยังไม่เกี่ยวกับมือถือและแท็บเล็ตโดยตรง แต่ก็น่าจับตามองในปีนี้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือ เทคโนโลยีที่ช่วยให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้อย่างอัตโนมัติโดยไร้ซึ่งคนขับ หรือที่เรียกกันเป็นภาษาอังกฤษว่า Autonomous Car หรือบางคนก็เรียกกันให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า  Self-driving Car จริง ๆ ไม่ต้องคิดไปไกลถึงอนาคตเลยครับ แค่ในปัจจุบันก็มีค่ายรถยนต์หลายค่ายที่จัดเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ใส่เข้ามาในรถอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Active City Stop ที่รถจะเบรกตัวเองอัตโนมัติเมื่อรถคันหน้าหยุดหรือมีสิ่งกีด ขวาง หรือถ้าใครขับรถแล้วต้องมองกระจกหลังกลัวจุดบอดก็มีระบบ Blind Spot Information System (BLIS) ที่คอยเตือนผู้ขับขี่ว่ามีรถอีกคันมาในจุดบอดที่ผู้ขับไม่สามารถเห็นได้ ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเลนได้ปลอดภัยขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบ Adaptive Cruise Control ที่ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้โดยอัตโนมัติ ทำให้รถเราวิ่งตามคันหน้าไปได้เองโดยที่เราไม่ต้องคอยเหยียบคันเร่งเลย หรือหากขับรถอยู่กลัวจะเผลอขับออกนอกเลนก็มีระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนและรักษารถยนต์ให้อยู่ในช่องทางที่ถูกต้อง และระบบสุดท้ายเอาใจคนจอดรถไม่เก่งโดยเฉพาะ ได้แก่ ระบบ Park Assist ที่ช่วยจอดรถให้ผู้ขับขี่เองโดยผู้ขับขี่มีหน้าที่เพียงคอยเปลี่ยนเกียร์ตาม    คำสั่งของรถเท่านั้น  เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนแบบไม่ต้องพึ่งคนขับนี้ ปัจจุบันมีหลายค่ายลงมาเล่นกันอยู่ค่อนข้างมากทีเดียว ทั้งทางค่ายรถยนต์เอง และทางบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยี ตัวอย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างกูเกิล (Google) ที่ปัจจุบันมีรถไร้คนขับในการทดลองอยู่หลายคัน โดยทางกูเกิลเคยประสบความสำเร็จในการให้คนตาบอดขับรถในโครงการทดลองนี้ไปไหนมาไหนด้วยตัวเองแล้ว หรืออย่างค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่างเมอร์เซเดสเบนซ์ (Mercedes-Benz) ก็กำลังทดสอบระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับนี้อยู่ในรถยนต์ S-Classรุ่นใหม่ล่าสุดของเขา โดยระบบอัตโนมัตินี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่น การขับในความเร็วสูง การขับขี่ในเขตเมืองที่มีอุปสรรคหลายอย่าง โดยในการทดสอบระบบนี้จะมีผู้ทดสอบนั่งอยู่ในรถเพื่อคอยสอดส่องความผิดปกติที่เกิดขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องลงมือขับเองแต่อย่างใด  นอกจากนี้ ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากทวีปอเมริกาอย่างฟอร์ด (Ford) ก็ประกาศว่าจะทำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยมีแผนว่าจะค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ และทยอยใส่ในรถยนต์รุ่นใหม่ทุก ๆ ปี โดยในปัจจุบันฟอร์ดได้ใส่ระบบ Park Assist ที่ช่วยจอดรถอัตโนมัติและ Active City Stop มาในรถยนต์ของฟอร์ดเองไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนแผนในอนาคตฟอร์ดก็ตั้งใจจะใส่ระบบสื่อสารที่ทำให้รถยนต์สามารถคุยกันได้เข้าไปด้วย ตัวอย่างสุดท้ายจากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นจากค่ายนิสสัน (Nissan) ที่ออกมาประกาศเช่นกันว่ากำลังพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอยู่ โดยทางค่ายถึงกับประกาศเลยว่าภายในปี ค.ศ. 2020 แฟนรถนิสสันจะได้ใช้รถไร้คนขับนี้แน่นอน ในราคาที่แฟน ๆ ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้จริงไม่แพงเว่อร์จนเกินไป  ดูจากระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันพวกนี้ ทำให้ผมเชื่อจริง ๆ ครับว่ารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับอย่างที่เห็นในหนังฮอลลีวูดต่าง ๆ ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อมของมนุษย์เราอีกต่อไป ซึ่งหากมองกันจริง ๆ แล้วการพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ก็เป็นไปได้ค่อนข้างรวดเร็วกว่าในอดีต แต่ผมเชื่อนะครับว่าการพัฒนาจะรวดเร็วได้มากขึ้นอีกอย่างมีนัยสำคัญ หากการพัฒนาเป็นไปในแบบร่วมมือบูรณาการกันระหว่างค่ายรถยนต์และบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยี หรือก็คืออุตสาหกรรมรถยนต์ น่าจะมีการผูกโยงกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มากขึ้น คล้าย ๆ กับการทำงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเองที่น่าจะมีการเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ซึ่งผมไม่ได้หมายความว่าอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งไม่เก่งนะครับ แต่หากเราเอาข้อดีและจุดแข็งของทั้งสองด้านมาบูรณาการกันได้ ก็จะทำให้การพัฒนาหรือการคิดค้นนวัตกรรมเป็นไปได้อย่างมีอัตราเร่ง ไม่แน่นะครับ  ถ้ามีการบูรณาการและพัฒนาเทคโนโลยีทั้งสองด้านนี้ไปพร้อมกันอย่างรวดเร็วพอ ต่อไปเราอาจจะเห็นคนกรอกเสียงใส่โปรแกรมสิริ (Siri) ผ่านทางมือถือไอโฟน แล้วสั่งให้รถยนต์ที่จอดอยู่โดยไม่มีคนขับวิ่งมารับเราไปส่งตามสถานที่ต่าง ๆ ได้เอง ผ่านทางเส้นทางที่ถูกคำนวณแล้วว่ารวดเร็วและรถติดน้อยที่สุด ก็เป็นได้ครับ. ผศ.ดร.ชุติสันต์ เกิดวิบูลย์เวช หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต chutisant.k@rsu.ac.th

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : รถยนต์ไร้คนขับ – รอบรู้ไอที รอบโลกเทคโนโลยี

Posts related