นายอุฤทธิ์ ศรีหนองโคตร เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า ในปี 58 กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ จะลงนามทำความตกลงบังคับร่วมอาเซียนว่าด้วยผลิตภัณฑ์ยานยนต์ (เอพีเอ็มอาร์เอ) ซึ่งใช้มาตรฐานยุโรป (ยูเอ็นอีซีอี) เป็นกรอบอ้างอิง เพื่อผลักดันให้การค้าผลิตภัณฑ์ยานยนต์ภายในภูมิภาคอาเซียนคล่องตัวมากขึ้น โดยเมื่อการผลิต ผ่านมาตรฐาเอพีเอ็มอาร์เอแล้ว การส่งออกไปยังประเทศอื่นในอาเซียนไม่จำเป็นต้องตรวจมาตรฐานอีก “ตอนนี้ได้ผ่านการประชุมไปแล้ว 10 ครั้ง ครั้งล่าสุดในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา แม้ 10 ประเทศจะเห็นด้วยในข้อบังคับร่วมแต่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ยังต้องการแก้ไขข้อความบางจุดตามข้อตกลงเอพีเอ็มอาร์เอ เพื่อให้สิทธิในการยอมรับมาตรฐานร่วมครอบคลุมถึงสินค้าที่ผลิตนอกภูมิภาคอาเซียนด้วย เพราะ 2 ประเทศมีการนำเข้ายางจากประเทศนอกอาเซียน แต่ไทยและอีก 7 ชาติสมาชิกเห็นว่า ควรให้สิทธิเฉพาะสินค้าที่ผลิตในอาเซียนเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็จะเปิดทางให้มีการนำเข้าสินค้าจากที่อื่นเข้ามาขายไม่ส่งเสริมการผลิตในอาเซียน” นอกจากนี้ไทยกำลัง เตรียมจะประกาศให้มาตรฐานยางรถยนต์ตามเอพีเอ็มอาร์เออาเซียน ซึ่งอ้างอิงมาตรฐานยูเอ็นอีซีอี เป็นมาตรฐานบังคับในประเทศ ได้แก่ มาตรฐานอาร์ 30 ในยางรถยนต์ มาตรฐานอาร์ 54 ในยางรถบรรทุกอาร์ 54 และมาตรฐานอาร์ 75 ในยางรถยนต์ และได้ลงทุนซื้ออุปกรณ์ตรวจสอบมาตรฐานยางทั้ง 3 ประเภทไปในปี 55 แล้วในมูลค่า 80 ล้านบาท ขณะที่ได้ลงทุนเพื่อปรับเทคโนโลยีการทดสอบรายการอื่นๆ ในช่วงก่อนหน้านี้รวมแล้วกว่า 800 ล้านบาท ผู้สื่อข่าว รายงานว่า การกำหนดยางรถยนต์ 3 ชนิด คือ ยางนอกสำหรับรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์นั่ง และยางรถยนต์เชิงพาณิชย์หรือรถบรรทุกให้เป็นไปตามมาตรฐานบังคับ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะให้เกิดการผลิตผลิตภัณฑ์จากยากพาราให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีปัญหาล้นตลาด โดยการกำหนดให้ยางรถยนต์ทั้ง 3 ชนิดให้เป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อให้ยางรถยนต์ของไทยได้รับการยอมรับในตลาดระหว่างประเทศ ทั้งนี้การจัดทำข้อบังคับหรือมาตรฐานร่วม(เอ็มอาร์เอ) นอกจากผลิตภัณฑ์ยานยนต์แล้วชาติอาเซียนยังอยู่ระหว่างการจัดทำเอ็มอาร์เอผลิตภัณฑ์อื่นได้แก่ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง วัสดุก่อสร้าง เครื่องมือแพทย์ อาหารแปรรูป เครื่องสำอาง และ ยา

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ร่วมมือทำมาตรฐานตรวจสอบยานยนต์

Posts related