วันนี้ (10 มิ.ย.) เวลา 13.00น.ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุดได้นั่งพิจารณาคดีครั้งแรกระหว่าง บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคลาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์จำกัด หรือ อาร์เอส (ผู้ฟ้องคดี) กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  ที่ 1 กับพวกรวม 12 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี)  โดยอาร์เอสฟ้อง ขอให้ยกเลิกประกาศกสทช.เกี่ยวกับหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปและมิให้นำประกาศดังกล่าวมาใช้กับการเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 31มี.ค.2557ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนประกาศของกสทช.เฉพาะในส่วนที่มีผลกระทบต่อสิทธิของบุคคลโดยชอบก่อนมีการออกอากาศดังกรณีของผู้ฟ้องคดีนั้นทั้งนี้โดยให้มีการเพิกถอนมีผลย้อนหลังนับตั้งแต่วันที่ประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจัาหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ อาร์เอส และ พ.อ.นทีสุกลรัตน์ รองประธาน กสทช.และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (กสท.)ให้ถ้อยคำด้วยวาจาต่อศาลปกครองสูงสุด  นายวิบูลย์  กัมมาระบุตร ตุลาการผู้แถลงคดี ให้ความเห็นต่อศาลปกครองสูงสุด ว่า ควรกลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นที่ระบุว่า การถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีจะเป็นการละเมิดพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 นอกจากนี้ อาร์เอสต้องถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก2014 ผ่านฟรีทีวี เนื่องจากฟุตบอลโลกเป็นรายการกีฬาตามประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป(มัสต์แฮฟ) และการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีก่อให้เกิดประโยชน์ในวงกว้างต่อสาธารณชน ที่เคยได้รับชมฟุตบอลโลกฟรีมาโดยตลอด การที่อาร์เอสระบุว่าการออกอากาศผ่านฟรีทีวีเป็นการถูกจำกัดสิทธิและทำให้ไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกันจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการเสียค่าเช่าเวลาสถานีฟรีทีวีเพื่อถ่ายทอดสดแต่อาร์เอสไม่ได้แสดงหลักฐานว่า ขาดทุน หรือ กำไรลดลง หรือได้รับผลกระทบทำให้ธุรกิจเสียหายเป็นมูลค่าเท่าใด ดังนั้น จึงเห็นว่าอาร์เอสยังสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากหน่วยงานรัฐที่ออกประกาศมัสต์แฮฟ หรือขอให้ชดเชย ด้วยการออกกฎให้เป็นประโยชน์กับอาร์เอสในภายหลังได้จากการที่ต้องนำฟุตบอลโลกมาเผยแพร่ผ่านทีวี ดังนั้น ถือว่าว่าประโยชน์ของสาธารณะชนสำคัญกว่าประโยชน์ของเอกชนอย่างอาร์เอสแต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ จึงมีความเห็นกลับคำพิพากษาศาลปกครองกลางชั้นต้นแต่ก็ยังไม่ใช่คำพิพากษา  และนัดอีกครั้งในวันที่11 มิ.ย.57 เวลา 13.00 น. พ.อ.นที สุกลรัตน์ รองประธานกสทช.และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่าได้ชี้แจงถึงเหตุผลของประกาศที่ออกไปโดยเน้นในเรื่องของประโยชน์ของสาธารณะในการรับชมข้อมูลข่าวสารสำหรับในส่วนของการเตรียมความพร้อมในการรับมือการเยียวยาเรียกค่าเสียหายหากศาลปกครองสูงสุดพิจารณาให้กสทช.เป็นผู้ชนะนั้นคงตอบตอนนี้ยังไม่ได้ต้องรอให้ศาลปกครองสูงสุดตัดสินอีกครั้งในวันที่ 11 มิ.ย.57 นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจัาหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาร์เอส กล่าวว่า ต้องรอคำพิพากษาสุดท้ายวันที่ 11 มิ.ย.แต่อาร์เอสยืนยันว่าจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่ขัดต่อกฎสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า)ซึ่งอนุมัติให้ถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีเพียง 22 คู่เท่านั้นและอาจต้องปล่อยให้จอดำทั้งหมด หากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาต่างจากศาลปกครองชั้นต้น สำหรับความคืบหน้าในการเซ็นสัญญากับทรูวิชั่นนั้นขณะนี้อาร์เอสได้อนุญาตให้ทรูวิชั่นถ่ายทอดผ่านช่องบริการทั้ง 64 แมทช์  โดยอาร์เอสจะเป็นผู้ควบคุมคุณภาพทั้งหมด  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ลุ้นคำตัดสินคดีถ่ายทอดบอลโลกพรุ่งนี้

Posts related