นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า สมาคมฯเตรียมยื่นข้อมูลเรื่องขอทบทวนการต่อระยะเวลาสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(แอลทีเอฟ) ต่อกระทรวงการคลังในเดือน ต.ค. นี้ โดยจะนำความคิดเห็นของผู้ลงทุนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยให้ทางคลังพิจารณา เนื่องจากแอลทีเอฟเป็นกองทุนที่ทำให้ชนชั้นกลาง หรือมนุษย์เงินเดือนได้รับประโยชน์สูงสุด และสามารถทำความเข้าใจกับการออมเงินในตลาดทุนมากขึ้น โดยในปัจจุบันกองทุนแอลทีเอฟมีมูลค่ารวมกว่า 240,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 960,000 บัญชี ซึ่งคาดว่าหากมีการยกเลิกสิทธิประโยชน์จะทำให้นักนักลงทุนสถาบันในประเทศทยอยลดลงพอสมควร “ที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันมีสัดส่วนการซื้อขายต่อวันเพิ่มขึ้นที่ 9-10% จากในอดีตก่อนที่จะมีแอลทีเอฟ อยู่เพียง 4-5 % เท่านั้น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทางบลจ.ได้เดินหน้าให้ความรู้ด้านการลงทุนแก่นักลงทุนหน้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถึงแม้จะมีผู้เข้าใจในด้านการลงทุนเพิ่มมากขึ้น แต่ประเมินว่าระยะเวลาในการให้สิทธิประโยชน์เพื่อดึงดูดนักลงทุนยังคงไม่เพียงพอ และอยากให้ทางภาครัฐทบทวนข้อดีและข้อเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตควบคู่กันไปด้วย” นอกจากนี้อัตราเงินออมของประเทศในปัจจุบัน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 17% ของการขยายตัวเศรษฐกิจ(จีดีพี)เท่านั้น ในขณะที่มาเลเซียอยู่ที่ 50% และสิงคโปร์ 60% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสัดส่วนการออมของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ และในขณะนี้เศรษฐกิจต่างประเทศยังไม่แข็งแกร่งมากนัก เป็นโอกาสดีที่ภาครัฐควรตระหนักต่อความมั่นคงของสังคมและความยั่งยืนภายในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นจีดีพีในอนาคต

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : วอนทบทวนยืดสิทธิประโยชน์แอลทีเอฟ

Posts related