นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รักษาการ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ รัฐบาลเห็นด้วยกับข้อเสนอของชาวนาที่เรียกร้องให้นำเงินงบกลาง 40,000 ล้านบาท ออกมาจ่ายให้ชาวนาที่ยังรอเงินจากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งค้างอยู่กว่า 90,000 ล้านบาท แต่ในหลักการแล้วคงไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ ดังนั้นหากจะนำเงินดังกล่าวออกมาใช้จะต้องทำเรื่องขอไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนด้วย รวมทั้งมองว่า วงเงิน 40,000 ล้านบาท จะเพียงพอจ่ายให้กับชาวนาที่นำข้าวเข้าร่วมโครงการในช่วงเดือน ธ.ค.56 – ม.ค.57 เท่านั้น ส่วนชาวนาที่เหลือยังคงต้องรอต่อไป ทั้งนี้ ส่วนตัวอยากให้ กกต. พิจารณาในแง่ของกฎหมายอย่างละเอียด โดยเฉพาะมาตรา 118 ที่กำหนดไม่ให้รัฐบาลรักษาการดำเนินโครงการใหม่ที่จะผูกพันกับรัฐบาลชุดต่อไป แต่สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการเดิมที่ทำอยู่แล้ว แต่มีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินที่เกิดจากโรคแทรกซ้อนทางการเมือง ทำให้กระทรวงการคลังหาเงินไม่ได้ตามวิธีปกติ ซึ่งความเดือนร้อนทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ชาวนา นอกจากนี้ อยากเรียกร้องให้ม็อบยุติกระบวนการขัดขวางการกู้เงินของกระทรวงการคลังในโครงการรับจำนำข้าว ที่ยังค้างจ่ายอยู่ทั้งหมด 90,000 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงการคลังไม่สามารถจัดหาแหล่งเงินได้ตามวิธีที่เคยปฏิบัติมาตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการนี้ในปี 54 เพราะสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ทั้งหมดมีความกังวลว่ากลุ่มบุคคล หรือองค์กรที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้จะถูกคัดค้าน เช่นเดียวกับ ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐให้ไม่กล้าเข้าร่วมปล่อยกู้ในโครงการดังกล่าว “อยากเรียกร้องให้ม็อบผู้ขัดขวางปล่อยให้ธนาคารกลับมาปล่อยกู้ให้กระทรวงการคลังเหมือนเดิม จะทำให้มีเงินส่งให้ชาวนาได้รวดเร็วตามปกติเหมือนเดิม หากไม่ขัดขวาง ภายในสัปดาห์เดียวก็สามารถกู้ได้ ส่วนกรณีหลายฝ่ายให้เร่งระบายข้าว เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าจำนำข้าวนั้น ตามศักยภาพการขนส่งข้าวระบบขนส่งของไทยนั้น การขนส่งข้าวเพื่อการส่งออกได้เพียงเดือนละ1 ล้านตัน  ได้เงินไม่เกินเดือนละ 10,000 ล้านบาท ดังนั้นหากต้องรอนำเงินในส่วนนี้มาใช้จ่ายให้ชาวนาคงมีระยะเวลานาน ต่างจากการกู้เงินตามช่องทางปกติ”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : วอนม็อบเลิกขัดขวางแผนกู้เงินจ่ายชาวนา

Posts related