ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิสรา ได้เผยแพร่เอกสารของน.ส.ประพีร์ อังกินันทน์ รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ส่งหนังสือถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ลงวันที่ 30 ม.ค.57 เสนอให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาทบทวน และยุติการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูกาลต่อไป โดยอาจพิจารณาใช้มาตรการ หรือแนวทางการช่วยเหลือในลักษณะอื่นแทน เช่น การสนับสนุนปัจจัยการผลิต และให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรยากจน หรือมีรายได้น้อยเป็นลำดับแรก ส่วนกรณีการจ่ายเงินจำนำตามโครงการล่าช้า ซึ่งส่งผลกระทบและความเสียหายต่อเกษตรกรนั้น ให้พิจารณาจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงิน ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนขั้นตอนการดำเนินงานที่ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งกำหนดมาตรการเยียวยา เพื่อบรรเทาผลกระทบและความเสียหายให้แก่เกษตรกรดังกล่าวด้วย รวมทั้งให้นายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานผลการดำเนินงานให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อจัดทำรายงานปิดบัญชี และรายงานผลการดำเนินงานในทุกโครงการตั้งแต่ปีการผลิต 47/48 เป็นต้นมา ส่งให้สตง.ตรวจสอบและเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การบริหารจัดการข้าว ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจำหน่าย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ควรให้ความสำคัญต่อการดำเนินการแก้ปัญหาการผลิตข้าวที่แท้จริง คือปัญหาด้านการผลิต และปัญหาด้านการตลาด ควบคู่ไปกับการดำเนินงานโครงการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามนโยบายของรัฐบาล โดยพิจารณาให้บูรณาการแก้ปัญหาหารกผลิตข้าวอย่างเป็นระบบ ครบวงจร ภายใต้กิจกรรมการส่งเสริมสนับสนุนของหน่วยงานรัฐ การยกระดับมาตรฐานคุณภาพการผลิตสินค้าข้าวไทย เป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง และส่งเสริมการพัฒนาตลาด การวิจัยมูลค่าเพิ่มของสินค้าข้าว ทั้งนี้สตง.ระบุว่า ได้ตรวจสอบการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลตั้งแต่ ปีการผลิต 54/55 เป็นต้นมา พบว่าการดำเนินงานโครงการมีจุดอ่อน หรือความเสี่ยงในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกร จนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นช่องทางนำไปสู่การสวมสิทธิ์การจำนำ และการทุจริต โดยสตง.ได้สรุปประเด็นปัญหาและความเสี่ยงสำคัญ แจ้งให้นายกรัฐมนตรี เพื่อโปรดพิจารณาให้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานโครงการ ตามหนังสือที่เคยแจ้งถึงนายกรัฐมนตรี มาแล้ว 3 ฉบับ นอกจากนี้ ยังระบุว่าผลกระทบจากการดำเนินโครงการ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดิน และเกษตรกร ความเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ และไม่เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน เนื่องจากการดำเนินโครงการมีผลขาดทุนสูงมาก จากการรายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรของรัฐบาล โดยคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเลือกตามนโยบายรัฐบาล โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 54/55 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 55 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี การผลิต 55/56 (ครั้งที่ 1 ) พบว่า สิ้นสุด วันที่ 31 พ.ค. 56 มีผลขาดทุน 332,372.32 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสูงกว่ายอดการปิดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค.56 ซึ่งมีผลขาดทุน 220,968.78 ล้านบาท มากถึง 111,403.54 ล้านบาท ชี้ให้เห็นแนวโน้มผลการขาดทุนสูงขึ้น ขณะเดียวกันสตง.ได้ทำหนังสือถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมาเกี่ยวกับปัญหาการจ่ายเงินให้ชาวนาล่าช้า โดยระบุว่า การจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก (นาปี) ปีการผลิต 56/57 จากแหล่งใด ๆ ก็ตาม ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไม่ขัดหรือแย้ง ต่อบัญญัติของรัฐธรรมนูญฯ ตลอดจนขั้นตอนการดำเนินงานที่กำหนดไว้อย่างถูกต้องโดยเคร่งครัด และรอบคอบ เพราะหากการดำเนินการดังกล่าว เข้าสู่การวินิจฉัยชี้ขาด โดยองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แล้วปรากฏว่าการดำเนินการไม่ถูกต้อง ผู้อนุมัติและผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สตง.ส่งหนังสือถึงนายกฯยุติรับจำนำข้าว

Posts related