นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล คณะกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 เปิดเผยว่า ขณะนี้ การพัฒนาโลจิสติกส์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ที่เริ่มต้นมาแล้วเกือบครึ่งแผนอาจได้รับผลกระทบ จากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน  2 ล้านล้านบาท ยังไม่ได้เริ่มต้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะสามารถลดตุ้นทุนการขนส่งสินค้าในแผนให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้า เพราะความล่าช้าของโครงการลงทุนโดยเฉพาะในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โดยตามแผนจะพัฒนาระบบการขนส่งสินค้า เพื่อปรับระบบการขนส่งจากถนนไปสู่ระบบรางมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดต้นทุนของการขนส่ง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานว่าสัดส่วนของการขนส่งสินค้า ทางถนนมีสัดส่วน ที่ 86.6%, ทางน้ำ (9.5%), การขนส่งทางเรือชายฝั่ง (5.7%) ทางราง (2.2%) และทางอากาศ (0.02%)”ประเทศไทยมีข้อจำกัดทางด้านงบประมาณในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ขณะเดียวกันก็มีความล่าช้าในการทำงบประมาณปี 2558  ดังนั้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยิ่งล่าช้าออกไปอีก ดังนั้นการจะลดต้นทุนการขนส่งสินค้าให้ได้ 2% ภายในปี 2559 คงเป็นไปไม่ได้”นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า การลดต้นทุนการขนส่งสินค้าได้ดำเนินการในหลายส่วน โดยส่วนภาคเอกชนได้ดำเนินการคือการปรับระบบการจัดการ  การลดต้นทุนในการสต็อกสินค้า ซึ่งการปรับปรุงในส่วนนี้ค่อนข้างทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ในส่วนของภาครัฐที่จะต้องปรับประสิทธิภาพของระบบการขนส่ง ค่อนข้างล่าช้า เพราะต้องมีการลงทุนระบบรถไฟทางคู่ เพื่อปรับระบบการขนส่งสินค้าจากการขนส่งทางถนนไปสู่ระบบรางมากขึ้น ซึ่งสามารถขนได้จำนวนมาก และมีความรวดเร็วมากขึ้นทั้งนี้ การประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เห็นร่วมกันว่าจะต้องมีการเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานต่อไป โดยจะมีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุน และพิจารณาแหล่งเงินลงทุน ทั้งในส่วนงบประมาณ และเงินกู้ โดยจะต้องรักษากำหนดเพดานเงินกู้ และสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี และการร่วมทุนกับภาคเอกชน ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าจะต้องเดินหน้าต่อไป  ในโครงการที่มีความพร้อม ทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การทำEIA  เพื่อให้โครงการมีความพร้อมและจะสามารถเสนอรัฐบาลใหม่ได้ทันทีที่มีการตั้งรัฐบาลใหม่  “สำหรับการผลักดันให้แผนพัฒนาฉบับที่ 11 ไปสู่เป้าหมายนั้น  ผลการพัฒนามาครึ่งแผนแล้ว มีข้อสรุปว่าต้องการความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์การเอกชน และภาคประชาชน เพื่อช่วยกันผลักดันให้ถึงเป้าหมาย โดยแผนพัฒนาฉบับที่ 11 มีเป้าหมายสำคัญที่จะพัฒนาสังคมไทยให้มีความมั่นคงมากขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงทางด้านสังคม การพัฒนาสังคมไปสู่สังคมสีเขียว โดยมีอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีระบบการจัดการที่ดีขึ้นในการจัดการทรัพยากร และประชาชนไทยสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้ แม้ว่าจะมีคสามแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม” 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สภาพัฒน์ชี้แผนพัฒนาโลจิสติกส์ไทยอืด

Posts related