นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า กังวลว่าหากสถานการณ์การเมืองมีความยืดเยื้อออกไป อาจกระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม ตลอดจนธุรกิจการลงทุนและการค้าต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปรับตัวลดลงด้วย โดยเฉพาะบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการเบิกจ่ายเงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น ต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สมาคมฯ คาดว่าจะปรับลดเป้าหมายหุ้นไทยปีนี้ลง จากเดิมที่คาดว่าอยู่ในระดับ 1,500 จุด ซึ่งประเมินมีแนวรับใหญ่ที่ 1,380 จุด เพราะได้รับผลกระทบจากการเมืองที่ยกระดับการชุมนุมเพิ่มขึ้น “โดยปกติในช่วงที่เกิดภาวะการชุมนุมและมีการรวมตัวมากขึ้น จะกระทบต่อดัชนี 5-6% แต่เฉพาะเมื่อวันที่ 4 พ.ย.วันเดียว ดัชนีตัวลดลง 2.5% โดยมีการขายหุ้นจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น หากสถานการณ์การชุมนุมมีทิศทางเลวร้ายที่สุด จะทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงได้ไม่เกิน 10%” นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (สมาคมโบรกเกอร์) กล่าวว่า หากสถานการณ์การชุมนุมในประเทศยืดเยื้อออกไป อาจกระทบกับโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่น การลงทุน 2 ล้านล้านบาท รวมถึงทำให้การส่งออกและท่องเที่ยวชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบจ. ในปี 57 ที่อาจเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว จากเดิมที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเติบโต 15% อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นไทยขณะนี้ ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันจากสถานการณ์การเมือง และความไม่ชัดเจนของแนวทางต่าง ๆ ทำให้ปริมาณการซื้อขาย (วอลุ่ม) ลดลงมาอยู่ที่วันละ 20,000-30,000 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกอยู่ที่วันละ 60,000 ล้านบาท นอกจากนี้ หากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นอาจส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงมาอยู่ในระดับ 1,300 จุด จากเดิมที่วางเป้าหมายในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 1,400 จุด ขณะเดียวกัน ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไทยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4 เพราะได้รับปัจจัยบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่าและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีขึ้น แต่ปัจจุบันมีสถานการณ์การเมืองเกิดขึ้นทำให้ไม่ได้รับปัจจัยบวกเท่าที่ควร นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ช่วงนี้นักลงทุนสามารถเข้าลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาวได้ หลังจากที่ดัชนีปรับลดลงส่งทำให้อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พีอี) อยู่ในระดับต่ำเพียง 14.5 เท่า อีกทั้งผลประกอบการบจ. ยังมีแนวโน้มสร้างกำไรและจ่ายปันผลได้ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ดีต่อการลงทุน ประกอบกับช่วง 8 ปีที่ผ่านมา บจ.ยังทำกำไรได้ดี แม้จะเจอวิกฤตมารอบ 9 ครั้ง โดยมี 75 บริษัทจ่ายปันผลติดต่อกัน 3 ปี นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธาน สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า หากการเมืองยืดเยื้อบานปลายจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในด้านลบ ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายปรองดองกัน.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สมาคมนักวิเคราะห์ลดเป้าดัชนีตลาดหุ้น

Posts related