นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทย เดือนพ.ค.57 ถือเป็นเดือนหัวเลี้ยวหัวต่อของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจาก คสช. ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 โดยคาดว่า เครื่องยนต์เศรษฐกิจไทย ได้แก่  การบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ จะกลับมามีพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างเต็มศักยภาพมากขึ้นตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป ทั้งนี้ การบริโภคภาคเอกชน เดือนพ.ค.57 เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนได้จากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ณ ราคาคงที่ ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน มาอยู่ที่ 2.3% ต่อปี ตามการจัดเก็บบนฐานการนำเข้าที่ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน โดยขยายตัว 5% ต่อปี ขณะที่ แวตจากการจัดเก็บบนฐานการบริโภคภายในประเทศขยายตัว 0.1% ต่อปี สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 60.7% ปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน เพราะผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น สำหรับการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ หดตัว 1% ต่อปี แต่ขยายตัว 2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า  ขณะที่การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ หดตัว 31.7% ต่อปี และหดตัว 6.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า  ขณะเดียวกัน การใช้จ่ายภาครัฐมีอัตราเร่งขึ้น สะท้อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณปีปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้ 142,500 ล้านบาท ขยายตัว 13.3% ต่อปี  เร่งขึ้นมากจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 5.6% ต่อปี ส่งผลอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 57 ช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณเบิกจ่ายได้ 156,560 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 62% จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 56.4% ด้านอุปสงค์ต่างประเทศ ยังคงหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจากการส่งออกสินค้าของไทย หดตัวที่ 2.1% ต่อปี  นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 85.1 นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกรอบ 7 เดือน เนื่องมาจากผู้ประกอบการมีระดับความเชื่อมั่นมากขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลาย ขณะที่บริการยังคงส่งสัญญาณหดตัว สะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย มีทั้งสิ้น 1.7 ล้านคน หดตัว 10.7% ต่อปี โดยนักท่องเที่ยวที่หดตัวมากที่สุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย และสิงคโปร์  “เสถียรภาพในประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะเริ่มมีแรงกดดันเงินเฟ้อสูงขึ้น ขณะที่เสถียรภาพต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.6% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 2.5% ต่อปี ขณะที่ อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ โดยอยู่ที่ 0.9% ของกำลังแรงงานรวมซึ่งคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงานเท่ากับ 362,000 คน สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง สะท้อนได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่ 167,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 2.76 เท่า รองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สศค.ชี้เศรษฐกิจไทยเดือน พ.ค.ฟื้นตัว

Posts related