น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่าขณะนี้ มีความเป็นห่วงถึงแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรก ปี 57 ที่อาจได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากปัญหาความขัดแย้งด้านการเมืองในประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและการบริโภคในประเทศ ให้ปรับตัวลดลงต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีแล้ว “แนวโน้มการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาสแรก ปี 57 มีโอกาสและความเป็นไปได้สูงที่จะชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 4 ปี 56 ที่ผ่านมา เนื่องจากกลไกลที่เป็นปัจจัยหนุนสำคัญอย่างภาคการท่องเที่ยวและการบริการได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองค่อนข้างมาก รวมถึงการชะลอการลงทุนและการบริโภคก็ยังเป็นอีกปัจจัยที่เข้ามากดดันแล้ว ซึ่งทั้งหมดมาจากความวิตกกังวลจากปัญหาการเมืองในประเทศ ทำให้ขณะนี้เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรและสถานการณ์จะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน” ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ มติการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ม.ค.นี้ ที่คาดว่าจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั้งการไหลเข้า-ออกเพิ่มขึ้น จนถึงขั้นผันผวนได้ รวมทั้ง แนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะอ่อนค่าลงอย่างหนัก จนส่งผลกระทบต่อภาคการเงินโดยรวม ทั้งนี้ ประเมินว่าทิศทางการขยายตัวของตัวเลขเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปีนี้ ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับปัจจัยนอกประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการฟื้นตัวได้ดีขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่นและจีน ที่จะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของไทย โดยปีนี้ สศค. ประเมินว่าตัวเลขส่งออกจะกลับมาเติบโตได้สูงถึง 6.5% ส่วนหนึ่งเป็นผลแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนของไทยที่อ่อนค่าลง จะเป็นปัจจัยหนุนการทำธุรกิจในภาคส่งออกได้เป็นอย่างดี

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สศค.ห่วงเศรษฐกิจไตรมาสแรกทรุด

Posts related