นายสมชัยสัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)  เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างภาษีใหม่ในปี 57 ยังไม่มีความชัดเจนเพราะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลที่จะเข้ามารับตำแหน่งในปีหน้า  เพราะโครงสร้างภาษีในช่วงที่ผ่านมาเน้นเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเช่น การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20%  ดังนั้นจึงเหลือการปรับโครงสร้างภาษีเกี่ยวกับความเป็นธรรมกับสังคม เช่น การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง   ซึ่งจะเริ่มในพื้นที่ที่รกร้างว่างเปล่าและไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยจะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)เป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บ เพื่อให้ท้องถิ่นมีเงินไปลงทุนเพิ่มและยังช่วยลดการใช้จ่ายด้านการลงทุนของรัฐบาล นอกจากนี้ยังจะเสนอการจ่ายคืนภาษีเพื่อช่วยคนจนเป็นการจ่ายเงินคืนให้กับผู้มีรายได้น้อยโดยตรงโดยกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ไม่ต้องเสียภาษีต้องเข้ามายื่นแบบแสดงรายการเงินได้แล้วรัฐบาลจะโอนเงินช่วยเหลือตามระดับความยากจน  สำหรับการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อหารายได้ให้ประเทศเช่น  การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จาก 7% เป็น 10% ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลใหม่ ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มทั้งระบบนั้น  จะต้องสะท้อนหลักสุขภาพประชาชน ลดความฟุ่มเฟือยและสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการด้วย  “การปรับเพิ่มประสิทธิภาพของกรมภาษีต่างๆ  ด้วยการนำระบบสารสนเทศหรือไอทีเข้ามาเชื่อมโยงข้อมูลของ3 กรมภาษี คือกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เข้าด้วยกันเป็นเรื่องจำเป็น  เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบการเสียภาษีของภาคเอกชนในกลุ่มประเภทเดียวกันมีความใกล้เคียงกันหรือไม่ ซึ่งเป็นทางหนึ่งในการเก็บภาษีเพิ่ม  อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าถ้าระบบไอทีสมบูรณ์จะทำให้กรมสรรพากรตรวจสอบภาษีซื้อขายตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางได้  โดยจะช่วยให้การรั่วไหลด้านภาษีน้อยลงส่งผลให้การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น”  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สศค.เล็งชงรัฐบาลใหม่ปรับโครงสร้างภาษีทิ่ดิน-สิ่งปลูก

Posts related