นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือสศค. เปิดเผยว่า ในเดือนธ.ค.นี้ สศค. เตรียมทบทวนเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมรายได้ในประเทศหรือจีดีพีใหม่ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 3.7% จากกรอบจีดีพีตั้งไว้ที่ 3.5-4% เพราะต้องรอประเมินสถานการณ์การชุมนุมในประเทศว่าเป็นอย่างไร ซึ่งหากยืดเยื้อจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุน การท่องเที่ยว และการบริโภคในประเทศช่วงไตรมาส 4/56 ประกอบกับเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ดังนั้นเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้หรือไม่นั้น คงต้องรอดูตัวเลขของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสศช.ประกาศในวันที่ 18 พ.ย.นี้ก่อน “ที่ผ่านมาสศค.ตั้งเป้าจีดีพีโตที่ 4.5% และได้ปรับลดเหลืออยู่ที่ 3.7% แต่ปลายปีจีดีพีจะโตต่ำกว่านี้หรือไม่ คงต้องรอดูว่าสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากไม่ยืดเยื้อเศรษฐกิจไทยยังโตตามเป้าที่วางไว้ โดยปัจจุบันท่องเที่ยวยังเป็นพระเอกช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไม่ทำให้เกิดปัญหาการขาดดุลและมีอัตราการขยายตัวสูงถึง 20% ขณะที่การส่งออกโตไม่ถึง 1% และถ้าปลายปีตัวเลขส่งออกยังไม่ดีขึ้น ขณะที่การเมืองไม่ยุติอาจทำให้การเติบโตจีดีพีเติบโตลดลงแน่นอน” สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 57 กระทรวงการคลังตั้งเป้าไว้ว่า จะเติบโตประมาณ 5.1% หรืออยู่ในกรอบ 4.6-5.6% แต่ปัจจัยเสี่ยงคือความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ซึ่งหากสหรัฐยกเลิกมาตรการคิวอีจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินและอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นจะมีผลต่อต้นทุนการกู้ยืมเงินที่เพิ่มขึ้น ส่วนจีนมีการปฏิรูปเศรษฐกิจทำให้จีดีพีโตไม่มากเหมือนในอดีต ดังนั้นปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยคือการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท เพราะถ้ารัฐลงทุนจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนในช่วง 7 ปีข้างหน้า ขยายแผนการลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟแนะให้ไทยขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) เพื่อให้ฐานะการคลังไทยเข้มแข็งนั้น ยังไม่จำเป็นขึ้นในช่วงนี้ต้องรอให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นก่อนไมเช่นนั้นจะกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สศค.เล็งหั่นจีดีพี

Posts related