ที่สโมสรทหารบก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวภายหลังการเข้าร่วมประชุมรับฟังการชี้แจงถึงแนวทางการประกาศใช้กฎอัยการศึก จากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และผู้อำนวยการกองรักษาความสงบเรียบร้อย(กอ.รส.) ว่า ผลที่เกิดขึ้นกับการประกาศกฎหมายดังกล่าว ในระยะสั้นอาจจะมีผลกระทบบ้าง แต่จะเป็นผลดีในระยะกลางและระยะยาว ที่ต่างประเทศจะเห็นว่าประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความปลอดภัย ไม่เกิดเหตุบานปลายด้านความมั่นคง ขณะเดียวกันพล.อ.ประยุทธ์ได้ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจ เดินหน้าทำงานเหมือนเดิม เพื่อให้สังคมโลกเห็นว่าประเทศไทยแก้ปัญหาทางการเมือง โดยที่เศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น กลับมาลงทุนในประเทศไทยต่อไปทั้งนี้ หลังการเรียกชี้แจงเรื่องกฎอัยการศึกในช่วงเย็นของวันที่20พ.ค.นี้ กระทรวงการต่างประเทศจะประชุมร่วมกับทูตประเทศต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ และไปสื่อสารกับนักลงทุน และนักท่องเที่ยวให้เข้าใจมากขึ้น ว่ากฏอัยการศึกที่ประกาศครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงบานปลายจากคู่ขัดแย้งทั้ง2ฝ่าย“การประกาศกฎอัยการศึก ทำให้เห็นว่าม็อบ2กลุ่มจะไม่ขัดแย้งบานปลายจนเกิดเหตุรุนแรง โอกาสที่จะเกิดการจราจลไม่มี ต่างประเทศจะเห็นว่าเหตุการณ์ไม่น่ากลัว ขณะที่ภาคเอกชนของไทยเอง ก็จะกลับมาเดินหน้าต่อไปได้ หลังจากที่เกิดความไม่แน่ใจในเหตุการณ์มาหลายเดือน ผู้บัญชาการทหารบกเน้นย้ำให้ส่วนราชกา รกลับมาทำงานเหมือนเดิม ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ชะลอตัวลง”ด้านนางปิยะมานเตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ในระยะสั้น จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดอาการตกใจ แต่ถ้าควบคุมสถานการณ์ให้เป็นปกติปลอดภัยได้ ก็เชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวจะไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก ขณะเดียวกันในช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว จึงไม่ได้เกิดผลรุนแรงอะไร โดยปีนี้เอกชนยังคงเป้าหมายนักท่องเที่ยวไว้ที่ 26.2 ล้านคน เท่ากับปี 56 โดยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ1.3 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวไทย 700,000 ล้านบาทอย่างไรก็ตามสทท.จะเร่งชี้แจงสื่อสารกับนักท่องเที่ยว และบริษัทท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้าใจ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์ และฮ่องกงว่าการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ เป็นไปเพื่อความปลอดภัย และสิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำ คือไม่ได้มีการประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานตามเวลาที่กำหนดหรือเคอร์ฟิวสำหรับระยะต่อไปจะแก้ปัญหาภายในกันอย่างไรค่อยว่ากันแต่จะต้องไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นขณะที่นายสมศักดิ์โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า ในส่วนของการจัดทำงบประมาณปี58หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นหลังวันที่31ธ.ค.57จะออกกฎหมายงบประมาณมาใช้ไม่ทัน เพราะต้องใช้เวลาทั้งกระบวนการประมาณ9เดือน จึงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป และสำนักงบประมาณได้พยายามจัดทำปฏิทินงบประมาณให้สอดคล้องกับสถานการณ์

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สศช.มั่นใจประกาศอัยการศึกมีผลดีระยะยาว

Posts related