นายอำพล ทองรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า กรณีน้องแก้มนี้ยอมรับว่าสะเทือนใจมาก แต่การพิจารณา หรือกดดันเพื่อเรียกร้องให้ ผู้ว่าร.ฟ.ท. ต้องแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออกนั้น ตนยังไม่เห็นด้วย แต่เห็นว่าควรฟังเหตุและผลก่อน พร้อมกันนี้ ได้เสนอให้ทบทวนมาตรการต่าง ๆ อย่างจริงจังโดยเรียกร้องให้ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.กำหนดให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่บนขบวนรถไฟโดยเฉพาะตู้นอน ต้องเป็นพนักงานประจำ หรือพนักงาน ร.ฟ.ท.เท่านั้น รวมทั้งควรมีหลักสูตรการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้พนักงาน เพื่อสร้างและปลูกจิตสำนึกในการทำงานทั้งนี้ สิ่งที่ต้องตรวจสอบ คือ การห้ามพนักงานดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างปฏิบัติหน้าที่บนขบวนรถและหากตรวจพบเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เช่น ดื่มเบียร์เกิน 1 กระป๋อง ก็ต้องถูกไล่ออกสถานเดียวซึ่งกรณีนี้พบว่า พนักงานดื่มแอลกอฮอล์บนขบวนรถ จะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะตำรวจประจำขบวนรถไฟ ที่จะต้องเดินตรวจตรา ซึ่งจะต้องทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ของแต่ละฝ่ายให้เข้มงวดมากขึ้น“พนักงานประจำมีความมั่นคงในอาชีพ จะมีความรับผิดชอบสูงกว่าพนักงานลูกจ้างจะทำอะไร เขาจะนึกถึงครอบครัวด้วย ส่วนลูกจ้าง อาจไม่ได้คิดในเรื่องนี้หากทำผิดก็ถูกออกไปเท่านั้น ดังนั้น ร.ฟ.ท.เป็นงานบริการขั้นพื้นฐาน จะต้องทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นกรณีนี้ส่งผลกระทบเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ร.ฟ.ท.มากขึ้น”ประธาน สหภาพ ร.ฟ.ท. กล่าวต่อว่า ปัญหาข้อหนึ่งคือเรื่องข้อจำกัดในการรับพนักงานเพิ่มตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 28ก.ค. 41 จะรับพนักงานใหม่เพิ่มได้เพียง 5% ของจำนวนที่ลาออกทำให้ที่ผ่านมามีปัญหาขาดแคลนพนักงาน จึงต้องใช้วิธีการว่าจ้างชั่วคราว ดังนั้น ร.ฟ.ท.ควรเสนอให้แก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วย ส่วนกรณีนายวันชัย แสงขาว เป็นลูกจ้างเฉพาะงานที่ผ่านการอบรม และรายงานตัวเมื่อวันที่16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบประวัติข้อมูลต่าง ๆ ตรวจสุขภาพ ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 1เดือน กว่าจะผ่านขั้นตอนเหล่านี้ จึงไม่แน่ใจว่าทำไมถึงมีชื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า พนักงานที่ ร.ฟ.ท.ว่าจ้างเข้ามาเป็นลูกจ้างเฉพาะงาน ในรอบเดียวกับนายวันชัยมีผู้ผ่านการคัดเลือกรวม 90 คนแต่ไม่มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมดังนั้นจะต้องลงไปตรวจสอบในรายละเอียดอีกครั้งซึ่งตามหลักการรับลูกจ้างเข้าปฏิบัติงานกับหน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะงานด้านบริการจะต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบประวัติก่อนเข้ารับทำงานด้วยด้านนายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่าว่า ท่าทีล่าสุดของผู้ว่าการร.ฟ.ท.ไม่เป็นที่น่าพอใจ แม้ผู้ก่อเหตุจะไม่ใช่พนักงานของรงฟ.ท.โดยตรง แต่ก็เป็นบริษัทเอกชนที่ร.ฟ.ท.จ้างมา ดังนั้นผู้ว่าร.ฟงท.ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก และผู้ที่จะเข้ามาดูแลบริหารจัดการแทน ควรคัดเลือกคุณสมบัติพนักงาน และเข้มงวดอบรมพนักงานให้มีทัศนคติที่ดีควรตรวจสอบคุณสมบัติของพนักงานบริษัทเอกชนหากพบว่ามีข้อบกพร่อง ก็ไม่ควรทำสัญญาว่าจ้างต่อที่สำคัญควรมีการปฏิรูประบบปัญหาสังคม ที่มีผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน“สถานการณ์เหล่านี้ เคยมีบทเรียน และเกิดขึ้นสะสมมาแทบทุกพื้นที่เช่น บนรถไฟ ป้ายรถเมล์ รถโดยสารประจำทางรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะยังไม่ถูกพัฒนา และอย่างกรณีเด็ก 13 ปีนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงสังคมรับไม่ได้ โดยมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้น ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของ ร.ฟ.ท. ผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกิดความระแวงห่วงเรื่องความปลอดภัยอย่างแน่นอน”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สหภาพ ฯรถไฟ ยังไม่กดดันให้ผู้ว่าฯ ออก

Posts related