นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่กระทรวงคมนาคมจะนำที่ดินบริเวณมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทยหรือรฟท.จำนวน 498 ไร่ และที่ดินบริเวณสถานีแม่น้ำ 277 ไร่ให้กรมฯ พัฒนาเพื่อแลกกับหนี้ 80,000 ล้านบาทว่า  เบื้องต้นยืนยันในหลักการเดิม คือ ให้กรมธนารักษ์เช่าระยะยาว 100 ปี   แต่ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปศึกษารายละเอียดในเชิงลึกว่า หากพัฒนาที่ดินทั้ง 2 แห่งจะได้รับผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน และก่อให้เกิดประโยชนสูงสุดต่อภาครัฐหรือไม่  คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1 เดือน หลังจากนั้นถึงจะกำหนดเงื่อนไขรายละเอียดของโครงการที่จะพัฒนาเชิงพาณิชย์อีกครั้ง “ใน ระหว่างที่กรมฯ ให้เจ้าหน้าที่ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการที่จะพัฒนาและลงทุน  ในส่วนของ รฟท. ได้จ้างเอกชนเพื่อให้เข้ามาประเมินราคาที่ดินเพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากที่ สุด และจะต้องหารือกันอีกครั้งว่าหนี้สินที่ รฟท. ต้องการให้กระทรวงการคลังหักนั้นเป็นหนี้สินตรงส่วนไหน เพราะตามปกติหากกรมธนารักษ์พัฒนาพื้นที่ของหน่วยงานราชการและมีรายได้เข้ามา จะต้องส่งรายได้เข้าแผ่นดิน  นอกจากนี้จะต้องหารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เกี่ยวกับรายละเอียดของภาระหนี้สินด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าสรุปข้อชัดเจนและตกลงรายละเอียดเบื้องต้นได้ในสิ้นปีนี้”                สำหรับ ภาระหนี้สินของ รฟท. ในปัจจุบัน มีอยู่ประมาณ 100,000ล้านบาท มาจากหนี้สินที่เกิดจากการดำเนินงาน   ภาระหนี้เงินกู้ที่นำมาชำระหนี้ก่อสร้างโครงการแอร์พอร์ตเรียลลิงค์ หนี้จากการซื้อเครื่องจักร และหนี้สินที่เกิดจากการจ่ายค่าบำเหน็จบำนาญของพนักงาน  ส่วนการพัฒนาที่ดินบริเวณหมอชิต 63 ไร่นั้น  จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนตามพรบ.ร่วมลงทุน พ.ศ. 2535  แต่การคัดเลือกเอกชนเข้ามาดำเนินการ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่มีนายรังสรรค์  ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สิ้นปีนี้ยุติปัญหาที่ดินรถไฟได้แน่

Posts related