นายธนิต โสรัตน์รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)และผู้ประกอบการกลุ่มโลจิสติกส์รายใหญ่ เปิดเผยถึงผลกระทบจากการปิดกรุงเทพในวันที่ 13 ม.ค.นี้ว่าได้ตรวจสอบพื้นที่ที่ กปปส. จะปิดการจราจร พบว่าพื้นที่คลองเตยน่าเป็นห่วงมากที่สุด เนื่องจากเป็นบริเวณใกล้ท่าเรือกรุงเทพหรือท่าเรือคลองเตย อาจส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าเข้าออกทางเรือกว่าวันละ 4,100 ตู้ หรือปีละ 1.5 ล้านตู้หากปิดถนนบริเวณคลองเตย และลุมพินี จะกระทบต่อการติดขัดถึงบริเวณท่าเรือกรุงเทพแน่นอนซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะโรงงานในพื้นที่จ.สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม “หากผู้ประกอบการไม่สามารถใช้ท่าเรือกรุงเทพได้จะต้องย้ายไปใช้ท่าเรือแหลมฉบังแทน ซึ่งจะทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นประมาณเที่ยวละ 5,000บาท ซึ่งหากต้องย้ายไปท่าเรือแหลมฉบังทั้งหมดจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มกว่า 20 ล้านบาทต่อวันและยังไม่รวมความเสียหายจากการส่งสินค้าที่ล่าช้า และโอกาสทางธุรกิจต่างๆ” อย่างไรก็ตาม หากการปิดกรุงเทพยืดเยื้อเกิน 3 วัน จะส่งผลกระทบต่อคนกรุงเทพ และธุรกิจต่างๆ อย่างรุนแรงเพราะจะเกิดปัญหาการขนส่งสินค้าอุปโภค – บริโภคเข้าไปในพื้นที่กรุงเทพที่ถูกปิดกั้น  รวมทั้งระบบการเงิน การเติมเงินให้กับตู้เอทีเอ็มและการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ  ซึ่งหากการปิดล้อมรุกลามไปสู่กรมศุลกากรการท่าเรือ มีการตัดน้ำตัดไฟฟ้า จะกระทบต่อการนำเข้า-ส่งออกเพราะเอกสารการนำเข้าส่งออกจะเป็นระบบออนไลน์ หากระบบล่มจะกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องดูแลระบบต่างๆให้สามารถทำงานได้ตามปกติ เพื่อไม่ให้ผลกระทบขยายวงกว้าง ทั้งนี้แนวทางการลดผลกระทบด้านคมนาคมจากการปิดกรุงเทพรัฐบาลควรจะประกาศปิดโรงเรียน และมหาวิทยาลัยในเขตกรุงเทพทั้งหมดเพื่อลดความคับคั่งบนท้องถนน และความเสียหายทางธุรกิจต่างๆ ซึ่งหากไม่เร่งดำเนินการก็จะทำให้จราจรในกรุงเทพติดขัดอย่างหนัก

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ส.อ.ท.ห่วงปิดกรุงเทพฯกระทบส่งสินค้า

Posts related