ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมานายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ได้รายงานสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่าล่าสุดกองทุนน้ำมันฯ มีสถานะกองทุนติดลบสุทธิกว่า 7,405ล้านบาท และยังมีสถานะติดลบเพิ่มขึ้นวันละ125ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อไป เนื่องจากสถานการณ์ความตรึงเครียดในประเทศยูเครนทำให้สถานะกองทุนน้ำมันฯ ในอีก6เดือนข้างหน้าเกรงว่าอาจติดลบเต็มเพดานจำนวน30,000ล้านบาทได้ทั้งนี้ครม.ยังเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่1เม.ย.-30 เม.ย.57 โดยให้เก็บภาษีในอัตรา0.005บาทต่อลิตร ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)พิจารณาอนุมัติเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไปทั้งนี้กรมสรรพสามิต รายงานว่าเหตุผลที่ต้องขยายระยะเวลามาตรการดังกล่าวออกไป เพราะมาตรการเดิมจะสิ้นสุดในเดือนม.ค.นี้แต่ในขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงโดยราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศยังมีราคาสูงหากปรับขึ้นภาษีในขณะนี้จะทำให้ประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้นขณะเดียวกันสถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปรกติ หากไม่สามารถประชุมครม.เพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาภาษีได้จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นเป็นลิตรละ10บาทส่งผลให้เกิดความผันผวนด้านราคาพลังงานในประเทศอย่างรุนแรงนอกจากนี้ยังเห็นว่า น้ำมันเป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อและกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศดังนั้นจึงจำเป็นต้องขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไปให้เกิดความเหมาะสมและช่วยเหลือประชาชนให้ไม่ได้รับความเดือดร้อนโดยให้จัดเก็บภาษีในอัตรา 0.005 บาทต่อลิตรซึ่งการดำเนินมาตรการดังกล่าวแม้ว่าจะทำให้กรมสรรพสามิตสูญเสียรายได้ไปประมาณเดือนละ9,000ล้านบาทแต่ก็เป็นผลดีเพราะจะช่วยเหลือภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หวั่นกองทุนน้ำมันติดลบ3หมื่นล้าน

Posts related