นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ยอดการขอส่งเสริมการลงทุนในปี 57 อาจอยู่ที่ 700,000 ล้านบาท หากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ และยังไม่มีความชัดเจน โดยมีอุตสาหกรรมหลักที่ขอส่งเสริมลงทุนได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ บริการ และสาธารณูปโภค แต่หากการเมืองครึ่งปีหลังคลี่คลายภายใน 6 เดือน ยอดการส่งเสริมลงทุนในปีนี้ คาดว่า จะเป็นไปตามเป้าหมายเดิม 900,000 ล้านบาทได้สำหรับยอดการขอส่งเสริมการลงทุนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ที่มีโครงการขอรับส่งเสริมลงทุน 254 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 200,000 ล้านบาทนั้น หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จะพบว่า โครงการลดลง 50% แต่วงเงินลดลง 13% เท่านั้น แสดงว่าเป็นการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ขึ้น และใช้เงินลงทุนในแต่ละโครงการมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขอรับส่งเสริมการลงทุน 195,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30% เพราะนักลงทุนต่างประเทศ ยังมั่นใจกับการลงทุนในประเทศไทยทั้งนี้นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงสุดคือ นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ที่เชื่อมั่นต่อประเทศไทยสูง โดยนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นในปัจจุบันคือ ไทยแลนด์พลัสวัน ที่จะใช้ไทยเป็นฐานผลิตหลัก ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทย ทั้งลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า จะใช้เป็นฐานผลิตสินค้าบางกลุ่ม ก่อนส่งเข้ามาผลิตในไทยเพื่อประกอบและส่งออกสินค้าไปในประเทศอื่นต่อไปนายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปีนี้ยอดการขอจัดตั้งโรงงานใหม่และขยายกิจการโรงงาน อาจจะอยู่ที่ 3,500-3,600 แห่ง ลดลง 10-20% จากปีก่อนที่มี 4,000 แห่ง เพราะสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ยุติลง กระทบต่อความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจในประเทศ และต้องติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิดในช่วง 1-2 สัปดาห์นับจากนี้ไปจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่“หากการเมืองไม่มีความรุนแรง และมีทางออกของประเทศได้นั้น มีโอกาสที่ยอดการขอจัดตั้งโรงงานใหม่และขยายโรงงานในครึ่งปีหลังจะเติบโตก้าวกระโดด และอาจจะสูงใกล้เคียงกับปี 56 ที่ผ่านมา ส่วนอุตสาหกรรมหลักที่ลงทุนต่อเนื่องในปีนี้ คือ รถยนต์ คาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อน ที่มียอดขายรถยนต์ในประเทศ 1.3 ล้านคัน แต่ยอดการส่งออกเติบโตดี รวมทั้งอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ส่วนอุตสาหกรรมที่ลดลงทุนได้แก่ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หวั่นยอดบีโอไอหด

Posts related