นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หากสถานการณ์การเมืองไทย ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มได้ภายในสิ้นปีนี้ คาดว่า ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) จะทยอยปิดกิจการดั่งใบไม้ร่วง และสิ้นปีอาจเห็นการปิดกิจการนับแสนราย ขณะที่ไตรมาส 3โรงงานที่พึ่งพาตลาดในประเทศเป็นหลัก จะต้องลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ตามแรงซื้อที่ลดลงอีก ทำให้โอกาสเห็นการปลดแรงงานส่วนหนึ่งออก จะมีสูงขึ้น ซึ่งยังไม่รวมกับบัณฑิตใหม่ที่จบมาจะตกงานอีก 150,000  คน  “เรามองว่า การเมืองคงจะยืดเยื้อไปอีกนาน หากไม่สามารถเจรจาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้ และวิกฤตการเมืองเอง ก็ชี้ชัดว่ากระทบดัชนีชี้วัดต่างๆ ลดลงทุกตัว ซึ่งเอสเอ็มอีเวลานี้ มีปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก เพราะเขามีสายป่านสั้น ส.อ.ท.เอง ก็ได้หารือกับสมาคมธนาคารไทย ที่จะช่วยเหลือให้มีการขยายสินเชื่อออกไปอีก สำหรับเอสเอ็มอีที่มีคุณภาพและกำลังดูว่าเป็นไปได้ไหมที่จะลดดอกเบี้ยลงให้อีก พร้อมกับหารือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการเพิ่มวงเงินค้ำประกันให้เพื่อประคองธุรกิจ รวมถึงเตรียมจัดคาราวานร่วมกันไปขายสินค้ากับเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดไทย” นายวัลลภ วิตนากร รองประธานส.อ.ท.   กล่าวว่า ภายใน 2-3 เดือนนี้ หากไม่มีสัญญาณใดๆ ให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าไทยจะสามารถได้ข้อตกลงร่วมกันทุกฝ่ายในการเดินหน้าไปสู่การมีรัฐบาลใหม่ได้ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม คาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องหันมาปรับแผนธุรกิจใหม่อีกครั้ง เพื่อรองรับแรงซื้อที่จะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแผนการขยายการลงทุนและการลงทุนใหม่ คงต้องชะลอออกไป และหากที่สุดแล้วภายในสิ้นปีนี้ ไม่สามารถมีรัฐบาล ที่มีอำนาจเต็มมาบริหารได้ ภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะติดลบและจะลามไปยังปี 58ให้ทรุดตัวต่อเนื่องได้อีก

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หวั่นเอสเอ็มอีเจ๊งเป็นใบไม้ร่วงแสนราย

Posts related