นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพรนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว(โลว์ซีซั่น) ของปีนี้ภาคเอกชนท่องเที่ยวเตรียมหันมาใช้กลยุทธ์เรื่องการลดราคาสินค้าท่องเที่ยวลงซึ่งคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 10-20%  เพื่อใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นลูกค้าและนำรายได้มาเสริมสภาพคล่องในธุรกิจของตนเองหลังจากการเมืองที่ยืดเยื้อทำให้นักท่องเที่ยวลดลงโดยเฉพาะจาก จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จากปกติที่จะเข้ามาเที่ยวตลอดปี จนผู้ประกอบการขาดรายได้มาเสริมสภาพคล่องอย่างหนัก จึงต้องหันมาลดราคาแทน   “ต้องยอมรับว่าในปีนี้หากการเมืองยังยืดเยื้อต่อไปอยู่ และมีเหตุการณ์ความรุนแรงเป็นระยะ ไปจนถึง เดือนมิ.ย.สถานการณ์การท่องเที่ยวก็ต้องย่ำแย่ ซึ่งจากการได้พูดคุยกับผู้ประกอบการโดยเฉพาะตลาดหลักอย่างจีน ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าครั้งนี้นานมากที่สุดแล้วทำตลาดไม่ได้เลย ซึ่งเมื่อเหตุการณ์สงบหรือเข้าช่วงนักท่องเที่ยวน้อย การลดราคาจะต้องเกิดขึ้นและไปเป็นสงครามราคาแน่นอนโดยจำนวนนักท่องเที่ยว”   สำหรับภาพรวมด้านการท่องเที่ยวในขณะนี้ได้ประเมินว่า ในไตรมาส1-3 มองว่าจะติดลบ ประมาณ 4.5% และคาดว่าเป้าหมายรวมปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจเหลือเพียง 26ล้านคนจากการตั้งเป้าไว้ที่ 28.01 ล้านซึ่งหากเป็นจำนวนตามที่คาดถือเป็นครั้งแรกในรอบ 3ปีที่เป้าหมายนักท่องเที่ยวไม่โตแต่อยู่ในระดับเดิม   ด้านนายวิรัช จัตุรภุชพิทักษ์กรรมการผู้จัดการบริษัทมาร์วิน ทัวร์ส กล่าวว่า หากสถานการณ์การเมืองยังยืดเยื้อไปถึงเดือน ส.ค. บริษัททัวร์ที่ทำตลาดขาเข้า (อินบาวด์) จะยิ่งเลิกกิจการมากขึ้นโดยตั้งแต่เดือน พ.ย. มีบริษัท 12 แห่งต้องปิดตัวไปแล้วแม้ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดกลางลงไป แต่ก็เป็นบริษัทเก่าแก่ที่เปิดมามากกว่า 10 ปีและส่วนใหญ่ทำตลาดยุโรปเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาประเภทกรุ๊ปทัวร์ได้รับผลกระทบสูงสังเกตได้จากรายได้จากตลาดยุโรปของบริษัทเอง ที่ลดไปกว่า 60% ตั้งแต่พ.ย.56-เม.ย.57   “บริษัททัวร์ที่อยู่ในวงการมานานเกือบจะถอดใจปิดตัวไปหลายรายจากเหตุการณ์ครั้งนี้เพราะปกติบริษัทที่มีทุนขนาดกลางๆ จะอยู่ได้ในภาวะไม่มีกำไรแค่ราว 6 เดือนถึง 1 ปีดังนั้นบริษัทใดที่พึ่งพาตลาดเดียวเป็นหลักไม่กระจายความเสี่ยงไปทำตลาดเอเชียหรือทำทัวร์เอาท์บาวด์ควบคู่ไปด้วยจึงอยู่ได้ยาก”   ด้านบริษัทที่ทำตลาดเอเชียตอนนี้ก็ยังถือว่าประคองสถานการณ์ไปได้ เพราะเอเชียยกเลิกทัวร์เร็วแต่ก็กลับมาได้เร็วแม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดกว่าเดิม แต่ยังถือว่ามีการเดินทางเข้ามา เช่นตลาดสิงคโปร์ที่มีไทยเป็นจุดหมายสุดสัปดาห์ เมื่อก่อนอาจมีไฟลท์เข้าทุกวันศุกร์มากกว่า 10 เที่ยวแต่ตอนนี้ลดลงเหลือ 3 เที่ยวขณะที่ตลาดเอาท์บาวด์นั้น แม้คนไทยจะยังเดินทางไปต่างประเทศ แต่สังเกตยอดเดือนเม.ย.ลดลงเพราะคนไม่มั่นใจกับสภาพเศรษฐกิจ และกำลังซื้อลดลง   นอกจากนี้ยังเป็นห่วงว่าประทศเพื่อนบ้านอย่าง พม่า กัมพูชา และเวียดนามที่เคยพึ่งพิงตลาดต่างชาติผ่านเข้ามาทางไทยเป็นหลักจะค่อยๆปรับตัวรับนักท่องเที่ยวเองได้โดยตรงมากขึ้น เพราะ 2 ปัจจัยหลัก คือสายการบินต่างประเทศเข้ามาเปิดเที่ยวบินตรงเข้าเมืองต่างๆในกลุ่มอาเซียนมากขึ้นและผู้ประกอบการเพื่อนบ้านก็ตื่นตัวในการออกไปทำตลาดต่างประเทศเองและเข้าร่วมรายการเทรดโชว์ใหญ่สม่ำเสมอทั้งงานไอทีบี เยอรมนี และเวิลด์ ทราเวลมาร์เก็ต เ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หั่นราคาแพกเกจดึงนักท่องเที่ยว

Posts related