นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากสหภาพยุโรปประกาศลดความสัมพันธ์และปฏิเสธความร่วมมือทางการค้า, การเกษตร, และการท่องเที่ยวกับไทย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะสัดส่วนการส่งออกประมาณ 10% ของประเทศ ที่ส่งออกไปยังทวีปยุโรปคงขาดหายไป และด้านการทำสัญญาทางการค้าต่าง ๆ คงต้องมีการยกเลิก เนื่องจากสหภาพยุโรปมีความไม่มั่นใจในระบบการบริหารประเทศที่ปราศจากรัฐบาล ซึ่งเป็นการเร่งให้ไทยต้องดำเนินการสู่การเลือกตั้งโดยเร็วเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามหากการส่งออกที่เหลืออีก 90% ในตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก ยังมีความแข็งแกร่งก็มองว่ากรณีดังกล่าวไม่น่ากังวลมากนัก ประกอบกับตลาดคู่ค้าใหญ่อย่างจีนมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลดีต่อภาคการค้าของไทยในระยะต่อไป สำหรับด้านตลาดทุนไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติลดน้อยลงตามไปด้วย หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนั้นสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อขายผ่านบริษัทปรับตัวลดลงเหลือ 20 % จากปีก่อนที่มีสัดส่วนการซื้อขายที่ 30% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด เนื่องจากความไม่เชื่อมั่นในสถานการณ์ และกลับกลายเป็นกลุ่มนักลงทุนรายย่อยภายในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 40 % ในปีก่อน เป็น 50 % ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศยังอยู่ในระดับปกติที่ 30 % ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยพักฐานระยะสั้น และมีปัจจัยกดดันจากต่างประเทศเป็นระยะ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไปสู่ตลาดในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ทางบริษัทได้เปิดตัว ทิสโก้ โกลบอล เทรด ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้โอกาสนักลงทุนสามารถซื้อขายหลักทรัพย์และหน่วยลงทุนรวมระยะยาว(อีทีเอฟ)กว่า 12,000 หลักทรัพย์ มูลค่ากิจการรวม 30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอยู่ภายใต้ตลาดหุ้นหลัก 7 แห่ง อาทิ สหรัฐ, ลอนดอน, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น โดยคาดหวังจะให้ลูกค้าใช้บริการดังกล่าวเพื่อกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนระยะแรกจะเน้นสร้างความเข้าใจกับลูกค้าถึงการให้บริการเป็นหลัก ซึ่งจะเน้นให้บริการกับกลุ่มนักลงทุนระดับบน ที่มีมูลค่าพอร์ตการลงทุนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท และสามารถส่งคำสั่งการซื้อขายในเวลาทำการ 9.00 – 16.00 น. ส่วนค่าธรรมเนียมการซื้อขายนั้นจะอยู่ที่ 0.50%ของมูลค่าการซื้อขาย และคาดว่าจะมีลูกค้าใช้บริการถึง 500 รายในปีนี้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : อียูคว่ำบาตรไทยคาดกระทบส่งออกวูบ 10%

Posts related