นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลเป็นห่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ในปี 57 นี้ จะได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองเป็นอย่างมาก โดยล่าสุดมีความไม่แน่นอนสูงมากในกรณีของการจัดการเลือกตั้งที่อาจล่าช้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยโดยตรง โดยเฉพาะตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเป็นตัวชี้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะหากปรับลดลงทุกๆ 1% ก็คิดเป็นเม็ดเงินที่หายไปจากระบบเศรษฐกิจกว่า 120,000 ล้านบาท  “ในปีนี้แทบทุกๆประเทศในอาเซียนคาดหวังว่าจีดีพีจะขยายตัว 5% ทั้งสิ้น แต่ประเทศไทยกำลังพูดถึงจีดีพี 2.5-2.7% และบางสถาบันเอกชนยังไม่ให้ดีเท่านี้ด้วยซ้ำบางรายให้ขยายตัว 1% ขณะที่บางคนพูดว่า ขอให้เป็นบวกก็บุญแล้ว แสดง ว่าโอกาสติดลบก็ยังมี จึงอยากถามว่า ทำไมประเทศไทยต้องเผชิญเช่นนี้ เพราะคิดเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นหลายแสนล้านบาท ซึ่งสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่นี้ น้อยครั้งที่จะได้ยิน รัฐมนตรีที่ดูแลเศรษฐกิจพูดออกมาว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี หรือเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่วันนี้ต้องพูด เราต้องเผชิญความจริง และหากไม่ร่วมมือกันทำให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดก็ไม่ รู้จะว่าใคร” ทั้งนี้ ยังเห็นว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศสำคัญๆของโลกดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศผู้สั่งซื้อสินค้าจากอาเซียนและไทยมีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่ง จะส่งผลให้การส่งออกของไทยดีขึ้น เช่นเดียวกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เดินทางเข้ามามากขึ้น แต่ตอนนี้ประเทศไทยได้เสียโอกาสนี้ไปแล้ว จึงรู้สึกเสียหายและเป็นห่วง เพราะช่วงที่ประเทศหยุดการเติบโตยังส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เกิดขึ้นตามมาด้วย พร้อมกับการจ้างงานที่ลดลง กระทบไปถึงนักศึกษาจบใหม่จะไม่มีโอกาสหางานทำ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เงินหายจากระบบเศรษฐกิจแสนล้านบาท

Posts related