นางปัทมาสิงหรา ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เปิดเผยว่า ขณะนี้ขอเตือนผู้นำเข้าสินค้าจากอิตาลีใช้ความระมัดระวังในสินค้าที่มีส่วนผสมของไข่และชีสเนื่องจากอาจเป็นสินค้าที่สหภาพยุโรป(อียู)ให้ผู้ผลิตอิตาลีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสารไดออกซินหลังจากมีการตรวจพบสารตกค้างในผลิตภัณฑ์ไข่และนมปริมาณสูงในหลายพื้นที่สำคัญของอิตาลีโดยเฉพาะรอบเขตพื้นที่อุตสาหกรรมในแคว้นลอมบาร์เดีย“กรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งอียูแสดงทัศนะว่าเพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจถึงความปลอดภัยและเพื่อเป็นการคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจะไม่อนุญาตให้มีการวางจำหน่ายไข่ที่มีระดับไดออกซินและซีบีเอสสูงเกินกว่าปริมาณที่กำหนดไว้ในเขตอียู พร้อมทั้งให้ประเทศสมาชิกต้องแสดงถึงความรับผิดชอบ โดยกำหนดมาตรการที่จำเป็น”อย่างไรก็ตามเป็นห่วงว่าผู้ผลิตบางรายอาจเล็งเป้าหมายในการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังประเทศอื่นๆ เช่น เอเชีย รวมถึงประเทศไทยที่ต่างนิยมนำเข้าสินค้าอาหารจากอิตาลี เช่น พลาสต้าสดที่มีไข่เป็นส่วนผสม และชีสเป็นต้นทั้งนี้ตามกฎระเบียบของอียูว่าด้วยการปรับลดค่าของสารตกค้างไดออกซินฟิวแรน และสารซีบีเอสที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารระบุเอาไว้ว่าในกรณีที่ประเทศสมาชิกมีการผลิตอาหารประเภทไข่ไบโอและไข่ที่มาจากฟาร์มเลี้ยงแบบเปิดที่มีปริมาณของสารตกค้างเกินกว่าที่ได้กำหนดไว้จะมีการดำเนินการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุและแหล่งที่มาของสารดังกล่าวจะใช้มาตรการเด็ดขาดในการปรับลดหรือทำลายให้หมดไป สำหรับการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างของไข่จากฟาร์มที่มีการผลิตเพื่อบริโภคเองในระยะ 10 กิโลเมตร ห่างจากโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในเมืองมิลานและเมืองมันโตวาจำนวน91 แห่ง และพบว่า 75% ของไข่ที่ได้ทำการวิเคราะห์ทั้งหมดมีปริมาณของสารไดออกซินและซีบีเอสสูงกว่าที่ได้กำหนดไว้6 ปิโคกรัมต่อไขมัน 1 กรัมผู้สื่อข่าวรายงานว่าหากร่างกายรับสารไดออกซินเข้าไปในระยะแรก ๆจะเกิดความผิดปกติที่ผิวหนัง  เช่นผิวหนังไหม้ดำ เป็นผื่น มีอาการเยื่อบุตาอักเสบ ปวดศรีษะ อ่อนเพลียและต่อมาจะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบต่อมไร้ท่อ และระบบประสาทเมื่อได้รับสารไดออกซินเป็นเวลานานอาจเป็นมะเร็งได้   

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เตือนผู้นำเข้าชีสอิตาลีเสี่ยงรับสารไดออกซิน

Posts related