“ทีดีอาร์ไอ”ย้ำเลิกจำนำข้าว ชี้ล้มละลายตั้งแต่เริ่มโครงการ บิ๊กกรุงไทยยันไม่ให้กู้ ตำรวจอุดรฯ เร่งตรวจสอบข้าวหาย ชาวนาหาที่พึ่งสุดท้าย ยื่นฎีกาถวาย “ในหลวง” 6 ก.พ.นี้ วานนี้ (4ก.พ.) ที่สำนักงานธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย แถลงข่าวกรณีมีข่าวลือในสังคมออนไลน์หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ก กรณีการประชุมคณะกรรมการบริหารจะมีการพิจารณาปล่อยกู้โครงการรับจำนำข้าว 160,000 ล้านบาท ว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการร้องขอจากรัฐให้ปล่อยกู้ ยืนยันการบริหารงานของคณะกรรมการมีจรรยาบรรณ ทำหน้าที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ถือหุ้นและผู้ฝากเงิน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ยุติธรรม ทั้งนี้ไม่อยากยุ่งกับโครงการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่ผ่านมามีข่าวหนาหูว่าโครงการไม่ชอบมาพากล แต่ไม่สามารถออกความคิดเห็นได้ เนื่องจากมีกระทรวงพาณิชย์ องค์การคลังสินค้า (อคส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นหน่วยงานหลักดูแลการรับจำนำและการปล่อยกู้ให้กับชาวนานายวรภัค เผยอีกว่า เชื่อว่าหากได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศจะมีทางออกที่ดี เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับสถาบันการเงิน ทั้งนี้ต้องรอดูว่ากระทรวงการคลังจะหาทางออกช่วยเหลือชาวนาอย่างไร หากข้อกฎหมายมีความชัดเจน เม็ดเงินไม่ตกหล่น ธนาคารพร้อมเข้าช่วยเหลือชาวนา และยืนยันว่าจะไม่ทำอะไรให้กรุงไทยได้รับความเสียหาย เพราะตนอยู่วงการการเงินการธนาคารมากว่า 20 ปี เป็นมืออาชีพไม่ได้มาจากการเมือง และไม่ได้ตอบแทนผลประโยชน์ให้กับใครหรือไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร จึงไม่จำเป็นต้องตอบแทนใครด้วยผลประโยชน์ของประเทศชาติความเห็นต่อปัญหาที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ล้มละลายตั้งแต่เริ่มโครงการ เพราะรัฐบาลรับซื้อในราคาสูงแต่กลับขายต่ำ แม้รัฐบาลจะนำข้าวบางส่วนไปขายเพื่อสร้างรายได้ แต่มักมีปัญหาขาดทุนตลอด เชื่อว่าจุดที่รัฐบาลรับซื้อกับจุดที่รัฐบาลขายข้าวเป็นจุดที่มีทุจริต คอร์รัปชั่นมากที่สุด ทำให้เงินที่ได้มาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกันเมื่อย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มโครงการก็ไม่มีการทำบัญชีโครงการอย่างเป็นระบบ ล่าสุดรัฐบาลมีภาระที่ต้องจ่ายเงินให้ชาวนาถึง 124,000 ล้านบาท แต่คาดว่าในปีนี้รัฐบาลจะขายข้าวได้เพียง 10,000-15,000 ล้านบาท ทำให้ยังขาดเงินที่จะมาจ่ายชาวนาอีกกว่า 100,000 ล้านบาทนายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า รัฐบาลตกอยู่ในภาวะตันทุก ๆ ด้าน ทั้งกฎหมายเลือกตั้งและไม่มีเงินที่จะมาจ่ายหนี้กับชาวนาหรือเรียกว่าเข้าตาจน แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลล้มละลาย เพราะมีข้าวที่ขายไม่ออก ถือว่าเป็นทรัพย์สินมหาศาลในระยะสั้นที่นำมาแปลงเป็นเงินได้ แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานรัฐบาลอาจล้มละลายได้ เพราะข้าวจะเสื่อมคุณภาพ ซึ่งทางออกที่รัฐบาลสามารถทำได้ คือ นำข้าวออกมาขาย เพื่อนำเงินคืนชาวนา และควรยกเลิกโครงการแล้วกลับไปสู่ระบบเดิมนายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า หากรัฐบาลยังยืนกรานที่จะดำเนินโครงการรับจำนำข้าวอีก สถานะการส่งออกข้าวของไทยจะตกต่ำ และยังทำให้เวียดนามและอินเดียครองแชมป์ส่งออกข้าวในตลาดโลกด้วย ขณะที่ผู้ส่งออกข้าวของไทยเริ่มผันตัวไปทำธุรกิจในต่างประเทศบ้างแล้ว ส่วนผลกระทบในประเทศที่กำลังประสบปัญหาในขณะนี้ คือ ชาวนายังไม่ได้เงิน ราคาข้าวตก แสดงให้เห็นถึงปัญหาการบริหารจัดการอย่างไม่มีระบบของรัฐบาลผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อต้องการเตือนธนาคารกรุงไทย โดยระบุว่า หากกรุงไทยปล่อยกู้ให้โครงการจำนำข้าวจริง สถานะของธนาคารจะเสี่ยงมากกว่าแบงก์พาณิชย์รายอื่น ๆ เป็น 2 เท่า และหากได้รัฐบาลใหม่แล้วไม่ใช่ชุดเดิม และเห็นว่าการกู้นี้ผิดกฎหมาย มาตรา 181 (3) ก็อาจจะไม่ยอมชำระหนี้ หรือหากชำระหนี้ ต้องให้ดำเนินคดี เพื่อเอาผิดคนที่เกี่ยวข้องก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาหลายปี แล้วแบงก์กรุงไทยยังเข้าข่ายเป็นบุคคลตามมาตรา 181 (4) ด้วย จึงมีความผิดกรณีนี้ด้วย และหากรัฐบาลใหม่ เห็นว่าแบงก์กรุงไทย มีเจตนาไปสมคบกับรัฐมนตรีคลัง เพื่อฝ่าฝืนมาตรา 181 (4) เสียเอง ก็ยิ่งมีเหตุผลที่จะไม่ชำระหนี้ และรัฐบาลใหม่ย่อมต้องเรียกให้แบงก์กรุงไทย ต้องรับผิดชอบ ชดเชยความเสียหาย ให้รัฐบาลใหม่อีกด้วย ขณะเดียวกัน ถ้ารัฐบาลใหม่ไม่ทำอย่างนั้น ตัวเองจะมีความผิดตามมาตรา 157 สรุปแล้วแบงก์กรุงไทย จะมีความเสี่ยงพิเศษ มากกว่าแบงก์พาณิชย์อื่น ๆ สองเท่านายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงนายวรภัค ว่า “คุณวรภัคได้ยืนยันอีกครั้งในจุดยืนของท่าน ท่านไม่ได้เลือกข้างใด แต่เลือกที่จะทำหน้าที่ตนเองในฐานะนักการเงินมืออาชีพคนหนึ่ง ทุกคนมีสิทธิที่จะกดดันให้สถาบันการเงินของรัฐทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ควรกดดันให้เขาเลือกข้างทางการเมือง เพียงทุกคนทำตามหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ประเทศชาติก็เจริญแล้ว”ส่วนกรณีข้าวในสต๊อกหาย นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เหตุการณ์ที่มีข่าวว่ามีการโกงข้าวที่จ.อุดรธานีที่มีการลักลอบเอา ข้าวออกจากโกดังแห่งหนึ่ง เพื่อขนย้ายไปยังโกดังแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี ปรากฏว่าข้าวหายไประหว่างทาง ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าทำไมชาวนายังไม่ได้รับเงิน พรรคประชาธิปัตย์จึงห่วงว่านอกจากรัฐบาลจะกู้เงินไม่ได้แล้ว ยังอาจจะไม่มีข้าวเพียงพอที่จะมาจำหน่ายเพื่อหาเงินให้กับชาวนา เพราะข้าวในสต๊อกอาจถูกลักลอบ ไปจำหน่ายในราคาถูกให้กับผู้ใกล้ชิดนักการเมือง หรือแม้แต่ที่มีคุณภาพข้าวดี ๆ ก็ถูกนำไปขายเหลือแต่เพียงข้าวคุณภาพต่ำหรือข้าวเน่าอยู่ในโกดังรัฐบาลในขณะนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก มากกว่าการเลือกตั้งเพื่อกระชับอำนาจให้กับตนเองด้านนายเรืองศักดิ์ นามเดช เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ ส่วนกลาง แจ้งความกับ พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ว่าข้าวสาร 3 ล้าน 5 แสนกิโลกรัม หรือ 34,000 กระสอบ มูลค่า 80 ล้านบาท หายไป ซึ่งโรงสีอุดรประเสริฐผลได้แจ้งจัดส่งไปยังโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ จ.ลพบุรีเป็นข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่ให้โรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจและบริษัท สิงโตทองไรท์ จำกัด นำไปปรับปรุงคุณภาพ และบรรจุถุง หายไป ล่าสุด พ.ต.อ.โกวิท พร้อมพนักงานสอบสวนได้ไปตรวจสอบที่โรงสีอุดรประเสริฐผล และรอเอกสารใบขนย้ายต้นฉบับว่ามีลายเซ็นใครบ้าง เพื่อตรวจสอบ อีกทั้งได้นัดเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้าที่เกี่ยวข้องมาพบในวันที่ 5 ก.พ. นี้ ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ติดตามพนักงานสอบสวนเพื่อต้องการทราบข้อเท็จจริง แต่ทางโรงสีอุดรประเสริฐผลไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวต่อมาเวลา 15.00 น. นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.อุดรธานี ได้เรียกนายนคร บุตรตรีวงศ์ การค้าภายในจังหวัดอุดรธานีเข้าพบสอบถามรายละเอียด พร้อมกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างองค์การคลังสินค้ากับเจ้าหน้าที่คลังสินค้าจังหวัดอุดรธานี ช่วงที่ อคส.สั่งสินค้าไปแปรสภาพ ซึ่งต้นทางคือ จ.อุดรธานี มีการระบายถูกต้องทุกขั้นตอน แต่มันเกิดปัญหาที่ปลายทางเพราะไม่รู้ว่าข้าวไปอยู่ที่ไหน จริง ๆ แล้วข้าวอาจจะอยู่ที่จังหวัดลพบุรี อาจจะผิดพลาดการลงทะเบียนหรือทางเทคนิคไม่เกี่ยวข้องกับจังหวัดอุดรธานีแต่ประการใดด้าน นายรัฐศักดิ์ พรพิสุทธินิตินัย ผู้จัดการทั่วไปของโรงสี ออกมาเปิดเผยว่า โกดัง 3 ของโรงสีเป็นโกดังที่ทาง อคส.ขอทำสัญญาเช่าทำเป็นโกดังกลางสำหรับเก็บรักษาข้าวสารแปรรูปของ อคส.จากโรงสีต่าง ๆ ในจังหวัดอุดรธานีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิตปี 2555/2556 มีเจ้าหน้าที่ 3 หน่วยงาน เป็นผู้เก็บรักษากุญแจปิด-เปิดประตูโกดังคือ ผู้ประสานงาน อคส.,บริษัทเซอร์เวย์เยอร์หรือ บริษัทผู้ตรวจคุณภาพข้าว และ ฝ่ายจังหวัดคือนายอำเภอท้องที่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าโรงสีไม่มีส่วนในการดูแลรักษาข้าวสารที่นำมาเก็บในโกดังส่วนผลกระทบในพื้นที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนา 5 จังหวัดประกอบด้วย พิจิตร นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก และสุโขทัย ยังคงปิดถนนบริเวณทางหลวง 117 นครสวรรค์-พิษณุโลก ขาล่องเข้ากรุงเทพฯ หน้า ธ.ก.ส. บึงนาราง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร เป็นวันที่สอง เพื่อทวงเงินจำนำข้าว โดยนายประกาศิต แจ่มจรัส แกนนำกลุ่มชาวนา เผยว่า ชาวนาประกาศจุดยืนชุมนุมปิดถนนจนกว่าจะได้เงินค่าข้าว พร้อมรวบรวมรายชื่อ กว่า 1,000 รายชื่อ เพื่อนำไปถวายฎีกาต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 6 ก.พ. นี้ ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้าย โดยมีชาวนาร่วมเดินทางไป 50 คนด้วยความสมัครใจ จากเงินบริจาคค่าเดินทาง ซึ่งจะเดินทางคืนวันที่ 5 ก.พ. ถึงเช้าวันที่ 6 ก.พ.เพื่อถวายฎีกาผ่านทางสำนักราชเลขา.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เตือน! เลิก “จำนำข้าว” หวั่นประเทศล่มจม

Posts related