ชื่อโรงแรม “สิบสองปันนา” อาจฟังไม่สะดุดในครั้งแรกแม้ว่าออกจะแปร่ง ๆ เมื่อมาอยู่ในเมืองมรดกโลกอย่างหลวงพระบางแทนที่จะอยู่ในเมืองเชียงรุ้งของจีน จนมีโอกาสได้สัมผัสกับห้องน้ำที่ดูจะไม่ธรรมดาสำหรับโรงแรมใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นานซึ่งออกจะย้อนยุคและค่อนไปทางวัฒนธรรมจีนแบบที่เป็นส้วมซึมอยู่บนพื้นอันราบเรียบกดน้ำด้วยฝ่าเท้าแทนมือและเมื่อเข้าไปยืนศีรษะจะโผล่พ้นขอบประตูจึงแทบจะฟันธงได้ว่าโรงแรมนี้เจ้าของจะต้องเป็นคนจีนแน่นอนและก็เป็นจริงดังคาดเพราะเจ้าของหญิงร่างเล็กที่พูดไทยออกทางภาษาเหนือคล่องแสดงตัวยืนยัน โรงแรมที่ว่าห่างจากเขตเมืองเก่าออกไปชานเมืองเลยแม่น้ำคานราว 1 กิโลเมตรใกล้กับสนามกีฬาแขวง และตลาดโพสีถนนภูเวา โดยได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวเป็นเวลา 50 ปีและคาดว่าจะสามารถต่อสัญญาได้อีกหลังจากนั้น ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างและอยู่ห่างจากตัวเมืองเก่าจึงเรียกได้ว่าสามารถฉีกออกจากข้อจำกัดบางอย่างได้มากกว่าคือสามารถสร้างได้ถึง 3 ชั้นและที่สำคัญนักลงทุนจากจีนยังไม่ต้องแคร์ว่าจะต้องสร้างให้มีสไตล์แบบแอนทีคเหมือนอย่างเกสต์เฮาส์หรือโรงแรมขนาดเล็กบางแห่งที่เอาตึกเก่ามาปรับปรุงใหม่ โดยห้องพักที่มีอยู่ 73 ห้อง ณ เวลานี้ยังตกแต่งแบบทันสมัยโดยมีจุดเด่นอยู่ที่ห้องน้ำที่ใช้กระจกฝ้าแทนผนังปูนซึ่งอาจทำให้คนไม่สนิทที่ต้องมาพักด้วยกันเกิดตะขิดตะขวงใจบ้างขณะที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องเข้าไปใช้ห้องน้ำปฏิบัติภารกิจส่วนตัวแต่นี่คือเทรนด์ที่กำลังฮิตสำหรับโรงแรมของจีนในระดับ 4-5 ดาว เหตุผลที่เจ้าของชาวจีนมาสัมปทานพื้นที่สร้างโรงแรมไม่ใช่เพราะคาดการณ์ว่าหลวงพระบางจะขยายการเติบโตไปมากกว่าเก่าเท่านั้นแต่เพราะเล็งเห็นว่าชาวจีนเองก็กำลังมองหาสถานที่ใหม่ ๆ นอกจากปลายทางอย่างไทยที่คุ้นเคยซึ่งหลวงพระบางก็น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการขับรถจากสิบสองปันนาหากว่าถนนเส้นที่มุ่งตรงมาจะได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะถูกจำกัดการขยายตัวของเมืองด้วยกฎเหล็กในฐานะเมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ทว่าหลวงพระบางก็กำลังเปลี่ยนไปเช่นกัน และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่นักลงทุนชาวจีนเริ่มทยอยเข้ามานอกเหนือจากอาณาจักรแห่งใหม่ในเมืองหลวงอย่างเวียงจันทน์.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เมื่อ ‘จีน’ บุก ‘ลาว’ – ลูกเล่น/ลีลา

Posts related