นายขจร วีระใจ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงฯ เตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาปรับปรุงมาตรการด้านการลงทุนในกิจการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ อาทิ กิจการสวนสนุก สวนสัตว์ หอประชุมฯโรงแรม เพื่อให้เจ้าของกิจการ หรือผู้ที่สนใจจะลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์แบบพิเศษสำหรับใช้ในการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (แมนเมด) เนื่องจากปัจจุบันการท่องเที่ยวของไทย ยังเป็นการกระจุกตัวในแหล่งท่องเที่ยวหลักซึ่งหากสร้างสิ่งใหม่ ๆ มากระตุ้น ก็จะเกิดการกระจายตัว ขณะเดียวกัน ก็จะสร้างรายได้ให้กับพื้นที่ในชุมชนนั้น ๆ ได้ด้วยเบื้องต้นเตรียมไว้ 2 มาตรการ ได้แก่ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับลงทุนเครื่องเล่นที่มีราคาตั้งแต่ 200 ล้านขึ้นไป ที่จะได้ลดภาษีลง ซึ่งได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ไปแล้ว แต่เนื่องจากปัจจุบันเป็นรัฐบาลรักษาการ จึงไม่สามารถดำเนินนโยบายต่อเนื่องได้ ส่วนอีกมาตรการคือ ให้เช่าที่ราชพัสดุในราคาไม่แพง และเช่าได้นานขึ้น"นโยบายเรื่องการส่งเสริมการลงทุนนั้น มองว่า ควรจะต้องสานต่อ เมื่อมีรัฐบาลใหม่ เพราะไทยประสบปัญหาเรื่องความแออัดของนักท่องเที่ยวจนทำให้แหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม และเกิดอาชญากรรมไปแล้ว จากนี้จะศึกษาต่อไปว่าพื้นที่ไหนมีศักยภาพที่จะทำได้ โดยมีผู้ประกอบการรายใหญ่ 2รายแล้วที่ให้ความสนใจกับมาตรการนี้”ก่อนหน้านี้ ช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรยังเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้เชิญชวนนักลงทุนประเภทสวนสนุกจากต่างประเทศ รวมถึงให้เร่งพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และโพสต์โปรดักชันของไท ยให้แข่งขันได้กับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเมื่อต่างชาติสนใจใช้ไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์มากขึ้นแล้ว ควรจะต้องมีบริการที่ครบวงจร ทั้งการตัดต่อ และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการผลิตภาพยนตร์สำหรับกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ไว้ดังนี้ กลุ่มที่ 1 กิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากร ได้แก่สนามแข่งรถยนต์ กระเช้าไฟฟ้า สวนสนุก ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรม หอประชุมขนาดใหญ่ ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ กิจการอุทยานสัตว์น้ำ กิจการสวนสัตว์เปิด ,กลุ่มที่ 2 กิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับภาษีอากร เฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ได้แก่โรงแรม ,กลุ่มที่ 3 กิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับภาษี เฉพาะการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรทุกเขตที่ตั้งได้แก่ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ,กลุ่มที่ 4 กิจการที่เห็นควรยกเลิกให้การส่งเสริม ได้แก่ บ้านพักและศูนย์สวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ และกิจการบริการเพื่อสนับสนุนการพำนักระยะยาวนายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็น ซี ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กล่าวว่า เป็นสัญญาณที่ดี ที่รัฐบาลให้ความสนใจเรื่องการลงทุนในภาคการท่องเที่ยว แต่ทั้งนี้จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานว่าต้องทำในพื้นที่ที่คุ้มค่าด้วย โดยรัฐบาลจะต้องศึกษาจุดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจให้ดีก่อน และต้องมองให้ออกว่า จะแข่งขันในระดับนานาชาติได้หรือไม่ โดยศูนย์ประชุมฯที่เชียงใหม่และภูเก็ตมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการประชุมได้ ส่วนพื้นที่ที่ควรจะลงทุนในอนาคต คือ หัวเมืองหลักในจังหวัดต่าง ๆนายอำพล สุทธิเพียร กรรมการผู้จัดการ บริษัทอะมิวส์เมนท์ เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้บริหารสวนสนุกดรีมเวิร์ล กล่าวว่า การลงทุนด้านสวนสนุกขนาดใหญ่ในพื้นที่ต่างจังหวัด อาจจะไม่คุ้มค่าการลงทุนมากนัก แม้จะเป็นหัวเมืองขนาดใหญ่ อย่างเชียงใหม่ หรือภูเก็ต เนื่องจากการลงทุนต้องมีค่าใช้จ่ายสูง และต้องใช้บุคลากรเป็นจำนวนมาก อีกทั้งหากจะลงทุนจริง ๆ ต้องศึกษาด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวจะเป็นต่างชาติหรือคนไทย เมื่อทำแล้วจะคุ้มทุนหรือไม่“มาตรการที่รัฐบาลถือว่าเป็นโครงการที่ดีมีศักยภาพ แต่ต้องเป็นการศึกษาและลงทุนในระยะยาวจริ งๆ แต่ทั้งนี้เห็นว่าสำหรับธุรกิจสวนสนุก อาจยังไม่พร้อมมากนัก เพราะอาจจะไม่คุ้มทุน จากราคาตั๋วเข้าชมของไทยที่เรียกได้ว่าต่ำสุดในเอเชียแล้ว หากทำอะไรก็ต้องคิดวางแผนยาว ๆ ด้วย”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เล็งสร้างสวนสนุกดึงนักท่องเที่ยว

Posts related