นายสมชาติสร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯได้ส่งหนังสือให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พิจารณาไม่อนุมัติขายข้าวแก่เอกชนในการเปิดประมูลข้าวผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(เอเฟท)ครั้งที่ 11 จำนวน 220,000 ตันเมื่อวันที่ 15  พ.ค.ที่ผ่านมา  เนื่องจากเอกชนได้ยื่นเสนอราคาส่วนต่างซื้อข้าวต่ำกว่าราคาตลาดค่อนข้างมาก เพราะพ่อค้าต้องการได้ข้าวราคาที่ถูกที่สุดเพื่อจะได้มีกำไรมากๆ                 อย่างไรก็ตามในการประมูลข้าวผ่านตลาดเอเฟทครั้งที่12 ในวันที่ 30 พ.ค. นี้ ที่จังหวัดนครสวรรค์  ก็ยังมีการดำเนินการต่อไป  โดยมีทั้งข้าวขาว และข้าวหอมมะลิ แต่จะต้องติดตามการเสนอการซื้อข้าวผ่านตลาดเอเฟทว่าจะได้ในราคาส่วนต่างในราคาที่เหมาะสมหรือไม่หากได้ราคาที่เหมาะสมก็จะอนุมัติให้มีการขายข้าวให้กับภาคเอกชนได้ ส่วนการระบายข้าวเอเฟทที่ผ่านมา10 ครั้ง อนุมัติระบายแล้ว  588,000 ตันคิดเป็นมูลค่ากว่า 7, 000ล้านบาท                 “กรมฯเตรียมเสนอให้นายนิวัฒน์ธำรงพิจารณาชะลอหรือยกเลิกการประบายข้าวผ่านตลาดเอเฟท หลังโครงการสิ้นสุดเดือน ก.ย. 57 หากเอกชนยังเสนอราคาซื้อข้าวในเอเฟทต่ำกว่าราคาตลาดมากและให้หันใช้วิธีการระบายแบบเปิดประมูลทั่วไปของกรมการค้าต่างประเทศแทน”                 นายสมชาติ กล่าวว่า ในช่วงเดือน มิ.ย. – ก.ค. นี้กรมฯจะนำผู้ประกอบการข้าวถุง โรงสีและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข้าวไปศึกษาตลาดข้าวในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาวเวียดนาม และ พม่า เพื่อหาแนวทางให้ผู้ประกอบการไทยทำตลาดได้ง่ายขึ้นหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)  โดยเฉพาะช่องทางการวางจำหน่ายข้าวถุงไทยตามตลาดหรือห้างสรรพสินค้า  และโรงสีข้าวที่ไปตั้งกิจการสีข้าวในแหล่งใกล้เคียงกับพื้นที่เพาะปลูกข้าวในประเทศเพื่อนบ้าน                 “ข้าวไทยในหลายๆแบรนด์เป็นที่รู้จักของคนในอาเซียนแล้วแต่กรมฯต้องการนำผู้ประกอบการซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นรายใหญ่เข้าไปสำรวจและการแนะนำคู่ธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้ทำตลาดง่ายขึ้น ขณะที่โรงสีก็จะได้รับอานิสงส์ในการเข้าไปตั้งโรงสีเพราะในหลายประเทศมีปริมาณข้าวมากแต่ขาดแคลนโรงสีเป็นต้น”                 นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ได้หารือกับสำนักงบประมาณสรุปแผนการยืมเงินจากกระทรวงการคลังเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาทเพื่อนำเงินไปจ่ายค่าข้าวเปลือกให้ชาวนาที่ร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2556/57 หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้คืนเงินสำหรับเงินยืมก้อนแรกไปหมดแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะมีการนำเข้าที่ประชุม ครม. ภายในวันที่ 27 พ.ค.นี้ และส่งต่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณาตามขั้นตอนที่เคยปฎิบัติมาต่อไป           

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนกดราคาข้าวติดดิน

Posts related