นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมยอดจำหน่ายสินค้าภายในประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง จะปรับตัวดีขึ้นอย่างแน่นอน หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ดำเนินนโยบายเร่งทยอยจ่ายเงินจำนำข้าวให้กับชาวนาประมาณ 90,000 ล้านบาท และมาตรการอื่นๆ ที่กำลังทยอยดำเนินการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มกลับมา  “ยอดขายจะทยอยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป เนื่องจากมีเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มจากเม็ดเงินจำนำข้าว อีกส่วนหนึ่งผู้บริโภคเชื่อมั่นมากขึ้นเพราะที่ผ่านมาผู้บริโภคบางกลุ่มไม่ใช่ไม่มีเงินแต่หมดอารมณ์จะชอปปิ้ง เพราะการเมือง เงินจำนำข้าวจะเห็นผลชัดกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องก่อนเช่น เครื่องจักรกล ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ รถจักรยานยนต์ กระบะ สินค้าอุปโภคและบริโภค และสินค้าอุตสาหกรรมที่จำหน่ายในประเทศ ซึ่งเราเห็นว่าภาพรวมนี้น่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มได้ราว 0.8% จึงเป็นที่มาว่าทำไมเอกชนจึงประเมินว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีปีนี้จะโตได้ 2.2-2.5%” สำหรับการลงทุนที่ก่อนหน้านี้ ชะลอไปตามทิศทางเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง แต่เมื่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้น จะทำให้โอกาสการขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นตามมาด้วยในระยะยาว ประกอบกับการที่ คสช.ได้เร่งจัดทำงบประมาณปี 58 แบบขาดดุลถึง 200,000กว่าล้านบาท และยังมีแนวนโยบายที่จะผลักดันการลงทุนระบบรถไฟรางคู่ รวมถึงโครงการบริหารจัดการน้ำบางส่วนและที่สำคัญหากมีคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) เพื่อเร่งอนุมัติการลงทุนที่ค้างพิจารณาอีกกว่า 700,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนไทยฟื้นตัวอย่างมากในครึ่งปีหลัง นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.กล่าวว่า การที่รัฐได้ทยอยจ่ายเงินค้างหนี้ให้กับชาวนาจะส่งผลต่อยอดขายรถยนต์เริ่มดีขึ้นในปลายไตรมาส 3 และจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนในไตรมาส 4 อย่างไรก็ตามเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปีนี้ที่ 2.4ล้านคันล่าสุดทางผู้ประกอบการกำลังเร่งรวบรวมแผนการทำตลาดส่งออกและจำหน่ายภายในประเทศที่จะเสร็จในสิ้นเดือนนี้คาดว่าเดือนก.ค.น่าจะชัดเจนว่าจะคงเป้าหมายหรือลดเป้ามากน้อยเพียงใด  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนมั่นใจ ยอดขายฟื้นครึ่งปีหลัง

Posts related