นายวัลลภวิ ตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าส.อ.ท.เห็นด้วยกับแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่จะทบทวนนโยบายประชานิยมต่างๆใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว และการปรับโครงสร้างราคาพลังงานในภาพรวมเนื่องจากนโยบายประชานิยมที่ผ่านมา เป็นการทำลายกลไกตลาด และหากปล่อยไว้นานจะสร้างปัญหาให้กับประเทศในระยะยาว“ตัวอย่างที่เห็นมีแล้วคือการจำนำข้าวซึ่งไปกำหนดราคาซื้อสูงกว่าตลาดทำให้กลไกทั้งหมดบิดเบือนส่งออกลำบากและในที่สุดทำให้ต้องนำเงินงบประมาณมาอุดหนุนหลายแสนล้านบาทและหากปล่อยไว้เงินเหล่านี้ก็จะเพิ่มขึ้นจนประเทศชาติอาจแบกรับไม่ไหวซึ่งวิธีแก้ไขให้ชาวนาควรจะมองเรื่องการพัฒนาพันธุ์ข้าวเช่นเดียวกับการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300บาทต่อวันทั่วประเทศที่ผ่านมาจะเห็นชัดว่าไม่ได้ช่วยให้ค่าครองชีพประชาชนมีความยั่งยืนอะไรเหล่านี้ล้วนควรปล่อยให้เป็นตามกลไกจะเกิดความเป็นธรรมที่สุด”สำหรับการปฏิรูปพลังงานเป็นเรื่องสำคัญที่เอกชนเห็นว่าจะต้องปรับโครงสร้างราคาพลังงานแต่ละประเภทให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงโดยไม่ให้กลุ่มผู้ใช้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแบกรับภาระมากเกินไปเพราะพลังงานคือพื้นฐานสำคัญต่อการค้าและการลงทุนและการดำรงชีวิตประชาชนโดยส่วนของเอกชนนั้นถือว่าพลังงานไฟฟ้ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ปัจจุบันทิศทางค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่องจากเชื้อเพลิงที่มีราคาแพงและมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงมากขึ้นเพราะไทยพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟสูงถึง 70%ซึ่งเห็นว่าควรจะสร้างสมดุลเรื่องเชื้อเพลิงเร่งด่วน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนหนุนเลิกนโยบายประชานิยม

Posts related