เอกชนจี้รัฐบาลเดินหน้านโยบายให้ต่อเนื่องโดยเฉพาะพรบ. 3.5 แสนล้านบาทก่อนหมดความมั่นใจ

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ำทำเนียบรัฐบาล นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจการลงทุนของภาคเอกชนทั้งเรื่องของน้ำท่วม รวมถึงการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งภาคเอกชนต้องการเห็นความต่อเนื่องของนโยบายของรัฐบาลเป็นหลักซึ่งถือเป็นตัวแปรของการทำธุรกิจที่สำคัญ หากนโยบายของรัฐบาลไม่มีความต่อเนื่องจะทำให้เกิดความเสียหายและไม่สามารถทำการค้าต่อไปได้ ที่สำคัญยังทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศถดถอย “ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมานโยบายของรัฐบาลไทยไม่มีความต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ภาคธุรกิจมาก ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้วโดยเฉพาะในเรื่องของโลกธุรกิจ หากต้องเสียเวลาเพียงไม่กี่วันไม่ถึงครึ่งเดือนก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ของภาคธุรกิจแล้ว” นอกจากนี้ในเรื่องของการลงทุนบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะถือว่าเป็นสิ่งที่พยายามเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนแม้ว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นคืนมาได้จากการเกิดมหาอุทกภัยเมื่อปี 54 แต่ปรากฎว่าจนถึงขณะนี้กลับยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องพยายามบริหารจัดการและเดินหน้าให้เกิดขึ้นให้ได้ก่อนนักลงทุนจะขาดความมั่นใจ
ขณะเดียวกันรัฐบาลจำเป็นต้องรักษาชื่อเสียงของประเทศหรือแบรนด์ของประเทศให้ได้ อย่าให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นไม่ว่าจะมีสาเหตุจากเรื่องใดก็ตามเพราะหากเป็นเช่นนั้นจะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศ เช่นกรณีของจีน ที่ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นในเรื่องของอาหาร มาเป็นเวลานานเพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถดึงความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ อย่างไรก็ตามในแง่ของภาคเอกชนได้พยายามทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามนำข้อเสนอแนะต่างๆรวมถึงปัญหาและอุปสรรคในเชิงนโยบายมาหารือร่วมกับรัฐบาลเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริง โดยยอมรับว่าสิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดคือเรื่องของความต่อเนื่องของนโยบายของรัฐบาล.
 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนหวั่นนโยบายรัฐไม่ต่อเนื่องฉุดความเชื่อมั่น

Posts related