นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลจะเปิดให้ภาคเอกชนยื่นซองประมูลข้าวสต๊อคผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟท) ในวันที่ 25 ต.ค. 56 ว่า เอกชนคงไม่ได้สนใจประมูลข้าวผ่านเอเฟทมากนักเพราะรอจังหวะที่ราคาข้าวไทยจะลดลงอีก เนื่องจากผู้ซื้อทราบดีว่ารัฐบาลไทยได้รับแรงกดดันในการระบายข้าวจากโกดังหลังจากข้าวในฤดูกาลใหม่กำลังจะออกมา ดังนั้นจำนวนมากจึงรอซื้อข้าวใหม่ดีกว่าซื้อข้าวเก่าในโกดัง “ตอนที่ราคาข้าวไทยสูงขึ้นราคาข้าวในตลาดโลกก็ไม่ได้สูงตาม แต่ตอนนี้ราคาข้าวไทยลดเพราะถูกกดดันจากตลาดโลกส่งผลให้คู่แข่งก็ลดราคาตามด้วย ดังนั้นรัฐบาลคงต้องวางแผนการระบายไว้ให้ดีกว่าที่ผ่านมาเพราะยิ่งเก็บข้าวไว้นานเท่าไหร่ราคาข้าวก็ยิ่งตกเพราะเสื่อมคุณภาพไปเรื่อยๆ โดยตอนนี้ข้าวขาว 5% ของไทยราคาลดลงใกล้เคียงกับราคาของตลาดโลกคือ 415 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากเดิมที่สูงถึง 520 เหรียญ ขณะที่ข้าวขาว 5% ของเวียดนามอยู่ที่ 395 เหรียญสหรัฐ” ทั้งนี้การแข่งขันในตลาดเอเฟทจะไม่คึกคัก แต่ภาคเอกชนก็เห็นด้วยกับการระบายข้าวด้วยวิธีดังกล่าวเพราะโปร่งใสที่สุด ส่วนการที่ภาครัฐพยายามจะทำการค้าแบบบาเตอร์เทรดนั้นก็เห็นด้วยแต่ทำได้ยากเพราะมีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานและต้องมีการพิจารณาร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมูลค่าที่จะทำการบาเตอร์เทรด และที่สำคัญที่ผ่านมามีการทำการค้าลักษณะดังกล่าวน้อยมากหรือแทบไม่เกิดขึ้นเลย นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเปิดให้ภาคเอกชนที่สนใจยื่นซองประมูลข้าวสต๊อครัฐบาล ผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟท) ในวันที่ 25 ต.ค. 56 ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จะมีการประมูลข้าวในลักษณะดังกล่าว โดยกระทรวงพาณิชย์มีความพร้อมที่จะเปิดประมูลข้าวล๊อตแรกจำนวน 140,443 ตัน จากที่วางแผนไว้ว่าจะระบายข้าวผ่าน เอเฟททั้งสิ้น 1 ล้านตัน “ข้าวที่จะประมูลแบ่งเป็นข้าวขาว 5% จากคลังในจังหวัดนครสวรรค์ สุพรรณบุรี ชัยนาท และสระบุรี และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 จากคลังในจังหวัดอุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์ กำหนดรับมอบข้าวเป็น 3 ล็อต ล็อตแรกในเดือนธ.ค. 56 และล็อตที่สอง และสาม ในเดือน ม.ค.และก.พ. 57” สำหรับในวันที่ 25 ต.ค. นี้จะเปิดให้เอกชนเข้ายื่นซองเสนอราคาตั้งแต่เวลา10.00 น. และจะปิดรับซองเสนอราคาในเวลา 12.00 น. ที่ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ นนทบุรี อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ตนได้นำตัวแทนสมาคมโรงสีข้าวไทยและผู้ส่งออก เข้าตรวจคุณภาพข้าวในโกดังที่จะนำข้าวมาเปิดประมูลในครั้งนี้ด้วย เบื้องต้นจากการสุ่มเก็บตัวอย่างข้าวออกมาตรวจสอบพบว่ามีการเก็บรักษาข้าวได้ค่อนข้างดี ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถประมูลข้าวได้ราคาสูงเพราะเป็นข้าวใหม่ปี 2555/ 56 และเป็นข้าวคุณภาพสูง นายมนัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่าในกรณีที่นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า พบข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์เข้าโครงการรับจำนำข้าวด้วยนั้น ถือเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่าย เนื่องจากแต่ละโรงสีที่เข้าโครงการจะมีตัวแทนเกษตรกร และตำรวจ ร่วมเป็นคณะกรรมการคอยตรวจสอบอยู่แล้ว ส่วนข้าวที่จะนำมาเข้าโครงการจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น ก็จะต้องนำใส่รถบรรทุกขนเข้ามา ราว 70-100 เที่ยว ซึ่งไม่สามารถผ่านการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนได้อย่างแน่นอน ดังนั้นยืนยันว่า การที่โรงสีจะร่วมมือนำข้าวเข้ามาสวมสิทธิ์เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และเชื่อว่าข้อมูลที่มีการเปิดออกมา เป็นเรื่องเก่า หรือเป็นเพียงการตั้งข้อสังเกต

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนเมินประมูลข่าว

Posts related