นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมกกร.ว่า  ที่ประชุมกกร.ได้ข้อสรุปแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน 14 มาตรการ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.)  ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมครั้งแรกในวันที่ 16 ก.ค.นี้ สำหรับข้อเสนอต่างๆ มีดังนี้  ด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ   ขอให้ขยายเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดขายแดนภาคใต้,ขอให้แก้ไขปัญหาการบริหารจัดการแรงงานแห่งชาติ,ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการค้าชายแดน,เร่งรัดเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและให้จัดตั้งคณะกรรมการวางโรดแมบสินค้าเกษตร อาหารและพลังงานทดแทน  ด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้แก่ โครงการคูปองนวตกรรม เพื่อพัฒนาขีดความสามารถเอสเอ็มอีไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ระยะที่2 (ปี 57- 59) และการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขปัญหาจากการวางและจัดทำผังเมือง  ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว   ได้แก่ ขอให้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน 1-3 เดือน ก่อนเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) และขอให้สนับสนุนบทบาทของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ด้านการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ได้แก่ ขอให้ปรับแนวทางการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ของไทย ขอใช้กองทุนระบบสาธารณูปโภคเป็นทางเลือกในการระดมทุน และให้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาน้ำภาคตะวันออก ข้อเสนอด้านการแก้ไขกฏระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ คือ ขอให้ปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค และให้สนับสนุนงบประมาณในการขยายระดับการค้ำประกันความสูญเสียของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ” การเสนอแนวทางเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ14 มาตรการ จะเสนอในนามกกร. และอีก 2 องค์กรภาคเอกชน  คือ สภาธุรกิจท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทยร่วมด้วย  ซึ่งสถานการณ์บ้านเราในขณะนี้ ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว เชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจไทย ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และแนวโน้มจะดีขึ้นหลังการเมืองมีความชัดเจน โดยคาดว่าภาวการณ์ส่งออกทั้งปีจะขยายตัวได้ 3 – 5%  มองว่า  ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มจะขยายตัว 4.2% ส่งผลให้ทั้งปีจีดีพีจะขยายตัวได้ 2% และปีหน้าเศรษฐกิจ จะขยายตัวได้ประมาณ 3.5-4.5% ซึ่งมาตรการที่เสนอให้เร่งขับเคลื่อนจะมีส่วนสำคัญในการผลักดัน แต่ปีนี้คงจะไม่ได้มากไปกว่านี้เพราะครึ่งปีแรกเศรษฐกิจเราติดลบ1%” นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า  ข้อเสนอ เบื้องต้น เชื่อว่า น่าจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากที่ประชุมกรอ.  ส่วนภาพรวมการส่งออกไทยปีนี้ คาดว่า จะเติบโตได้ระดับ 3-5% โดยครึ่งหลังน่าจะขยายตัวได้ในระดับ3.5-4% เนื่องจากสินค้าเกษตรสำคัญเช่น ข้าวและน้ำตาล คาดว่า จะส่งออกได้เพิ่มขึ้น แต่หากไทยสามารถรักษาระดับค่าเงินบาทไว้ในช่วงครึ่งปีหลัง ไม่ให้ผันผวน และอยู่ในระดับไม่เกิน 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะมีผลดีต่อการส่งออกไทยในรูปของเงินบาทอย่างมาก นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า  เรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คือการขยายมาตรการสินเชื่อผ่อนปรน(ซอฟท์โลน) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อไปอีก 3 ปี คือตั้งแต่ม.ค. 58- ธ.ค.  60 จากเดิมจะสิ้นสุดในเดือนธ.ค. 57 , หากบสย.ปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติมให้เอสเอ็มอี คือประมาณ 165,000 ล้านบาท เชื่อว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีก 0.5% ในช่วงครึ่งปีหลัง ,การปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกวีซ่าและใบอนุญาตทำงานโดยแยกระหว่างนักธุรกิจและแรงงานต่างด้าว , ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน และจะเสนอขอยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่ากับจีนและไต้หวันเป็นระยะเวลา 1 ปี

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนเสนอ14มาตรการกู้เศรษฐกิจไทย

Posts related