นายปฏิมา จีระแพทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนยกเลิกกิจการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีระหว่างเดือนม.ค. – พ.ค. มีจำนวน 4,564 ราย เพิ่มขึ้น 8.1 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีทุนจดทะเบียนยกเลิก 3,331 ล้านบาท ลดลง 12%โดยกิจการที่ยกเลิกสูงสุด คือ การขายสลากกินแบ่ง ก่อสร้างที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย อสังหาริมทรัพย์เพื่อพักอาศัย โดย ขณะที่เดือนพ.ค. จดทะเบียนยกเลิกกิจการรวม 833 ราย ลดลง 0.5% เทียบกับเดือนเม.ย. 57 แสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเริ่มปรับตัวดีขึ้นแล้ว ส่วนกิจการที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่ยอด 5 เดือน มีจำนวน 24,267 ราย ลดลง 20.8% ขณะที่เดือนพ.ค. มีกิจการจัดตั้งใหม่จำนวน 4,583 ราย เพิ่มขึ้น 7 % เทียบกับเดือนเม.ย. 57 โดยกิจการที่จัดตั้งใหม่สูงสุดคือ ก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย ขายส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ และอสังหาริมทรัพย์เพื่อพักอาศัย โดยมีทุนจดทะเบียนใหม่มูลค่า 20,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% “ หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เริ่มดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศ ให้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น คาดว่า เศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงสถานการณ์ของเอสเอ็มอี ตั้งแต่เดือนมิ.ย. เป็นต้นไป จะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยในส่วนของ สสว. ได้ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านโครงการต่างๆ ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เอสเอ็มอี สามารถดำเนินกิจการได้อย่างเข้มแข็ง ยั่งยืน เป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทยต่อไป” สำหรับสถานการณ์การส่งออกเดือนม.ค. – พ.ค. มีมูลค่ารวม 757,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% และคิดเป็นสัดส่วน 25.34% ของมูลค่าการส่งออกรวม ขณะที่เดือนพ.ค. มีมูลค่าส่งออก 157,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% โดยตลาดส่งออกหลัก คือ ประเทศในกลุ่มอาเซียน มีมูลค่า 212,502 ล้านบาท ของมูลค่าส่งออกเอสเอ็มอี รองลงมาจีน มีมูลค่า 84,426 ล้านบาท กลุ่มสหภาพยุโรป มูลค่า 78,257 ล้านบาท ญี่ปุ่น มูลค่า 72,736ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา มูลค่า 57,474 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกสูงสุด คือ อัญมณีและเครื่องประดับ พลาสติกและของทำด้วยพลาสติก เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ ด้านการนำเข้าในช่วง 5 เดือน มีมูลค่า 865,816 ล้านบาท ลดลง18.5 % โดยนำเข้าจาก จีน สูงสุด มีมูลค่ารวม 229,780.27 ล้านบาท รองลงมา คือ กลุ่มประเทศอาเซียน มูลค่า 131,117 ล้านบาท ญี่ปุ่น มูลค่า 123,132 ล้านบาท กลุ่มสหภาพยุโรป มูลค่า 103,398 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา มูลค่า 52,713 ล้านบาท สินค้าที่นำเข้ามากที่สุด ได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อัญมณีและเครื่องประดับ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก เหล็กและเหล็กกล้า

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอสเอ็มอี5เดือนเลิกกิจการเกือบ5พันราย

Posts related