นายปิยสวัสดิ์อัมมระนันท์ ประธานมูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม และอดีต รมว.พลังงานเปิดเผยในงานสัมมนา“พลังงานไทยปฏิรูปอย่างไรให้ถูกทาง” จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า การปฏิรูปพลังงานให้ถูกทาง ควรต้องปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เหมาะสมและเป็นจริงโดยเฉพาะการเก็บภาษีจากราคาน้ำมันที่ควรจะเท่าเทียมกันไม่ควรจะให้คนที่ใช้พลังงานประเภทหนึ่งมารับภาระของคนใช้พลังงานอีกประเภทและต้องให้ทุกพรรคเลิกนโยบายประชานิยมในการอุดหนุนราคาพลังงานจำนวนมากในที่สุดไปไม่รอดซึ่งถ้าต้องการความยั่งยืนและมั่นคงทางพลังงาน ราคาก็ต้องสะท้อนกลไกตลาดไม่เช่นนั้นเราอาจจะได้ใช้น้ำมันราคาถูกวันนี้ แต่แพงขึ้นอย่างรวดเร็วใน 10-20 ปีข้างหน้า“กรณีที่มองว่าคนจนอาจจะลำบากหากราคาน้ำมัน และพลังงานแพงขึ้นนั้น อยากให้การอุดหนุนของรัฐบาลเป็นไปอย่างโปร่งใสคือตั้งงบประมาณ และกำหนดบุคคลเป้าหมายในการให้การอุดหนุนที่ชัดเจนแทนที่จะอุดหนุนโดยวิธีเอาเงินของคนหนึ่งมาให้อีกคนหนึ่งซึ่งไม่เป็นธรรม”นอกจากนี้ต้องปฏิรูปการจัดโครงสร้างของพลังงานของไทยใหม่โดยสร้างการแข่งขันให้มีความเท่าเทียมกัน โดยเชื่อว่าหากมีการแข่งขันที่เท่าเทียมไม่มีการผูกขาดจะทำให้ราคาที่ซื้อขายกันเอื้อประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุดให้ ปตท.เข้ากับ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าเพื่อสร้างการแข่งขันที่เท่าเที่ยมมากขึ้น และควรลดการแทรกแซงธุรกิจพลังงานจากฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะการเข้ามาแทรกแซง ปตท.โดยแนวทางที่เห็นคือ แทนที่จะทวงคืนปตท.กลับมาเป็นของรัฐ ซึ่งคุมโดยนักการเมือง ควรที่จะไล่นักการเมืองออกไปจาก ปตท.มากกว่า และควรเร่งรัดสนับสนุนการสร้างระบบพลังงานทดแทนของประเทศโดยดูแลให้การอนุญาตการดำเนินการพลังงานทดแทน ทำได้อย่างโปร่งใสหรือไม่ต้องรับใบอนุญาตเลยนายสุรงค์บุลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน บมจ. ปตท.กล่าวว่า คำถามของประชาชนที่มีในด้านพลังงานของประเทศไทยในขณะนี้ส่วนหนึ่งมีคำถามที่ว่า ราคาน้ำมันในไทยแพงเกินไปหรือไม่ ทำไมราคาน้ำมันบางประเทศถูกกว่าอยากให้เข้าใจวิธีทั้งหมดที่จะได้มาซึ่งน้ำมันที่ซื้อขายกันในประเทศก่อนซึ่งอย่างแรกถามว่า ประเทศเรากับประเทศอื่นๆ ซื้อน้ำมันดิบมาในราคาเดียวกันหรือไม่คำตอบคือซื้อมาในราคาเดียวกัน เพราะเป็นราคาที่อิงตามตลาดโลก ต่างกันตรงที่ค่าขนส่งค่ากลั่น และราคาต่างๆซึ่งเมื่อกลั่นออกมาแล้วราคาน้ำมันไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันเบนซิน หรือดีเซลอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน จะมีข้อแตกต่างกันที่ภาษีต่างๆ ที่รัฐบาลเก็บ หรือการอุดหนุนราคาตามนโยบายของรัฐบาลนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงานเปิดเผยหลังการเป็นประธานการซ้อมแผนรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานปี 57 ว่าปีนี้ถือเป็นอีกปีที่กระทรวงพลังงานประสบภาวะวิกฤติด้านพลังงาน ที่ต้องแก้ไขเนื่องจากมีการหยุดซ่อมของท่อเจดีเอ – เอ 18 ช่วง13 มิ.ย.-10ก.ค.57 รวม 28 วัน ซึ่ง 3การไฟฟ้า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ซ้อมแผนครั้งนี้และมั่นใจว่าเมื่อถึงเวลาจริงแผนที่เตรียมไว้จะสามารถรับปัญหาได้โดยจะไม่เกิดไฟดับครั้งใหญ่เช่นกรณีไฟดับ14จังหวัดภาคใต้ที่ผ่านมา

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แนะปฎิรูปพลังงาน

Posts related