นายวิวัฒน์ชัย อัตถากร  คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยระหว่างการสัมมนาเรื่อง”พลังงานปิโตรเลียมในมิติสิทธิมนุษยชน เพื่อคืนความสุขประชาชน” จัดโดยคณะอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมว่า  แนวทางการแก้ปัญหาในเรื่องพลังงาน ในมุมสิทธิมนุษยชน มองว่า รัฐควรแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514  เนื่องจากพ.รบ. ปิโตรฯ ดังกล่าวมีหลายมาตราปิดกั้นประชาชน  ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน  ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดความขัดแย้งในเรื่องพลังงานทุกวันนี้   “การสัมมนาเรื่องพลังงานที่ผ่านมาๆ  มีการพูดถึงแต่ปลายเหตุ ไม่ค่อยได้พูดถึงต้นเหตุของปัญหาว่าเกิดจากอะไร ในมุมมองของผมในเรื่องต้นตอของมนุษยชน อยากให้มองถึงต้นตอของปัญหาของทุกวันนี้  คือ พ.ร.บ.ปิโตร ฯ  ซึ่งกีดกันการเข้าถึงแหล่งข้อมูลของประชาชน  รวมทั้งต้องการให้ภาครัฐเข้าถือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานมากกว่า  70 % หรือถือครอง 100 % เพื่อให้เกิดความมั่งคงและประโยชน์สูงสุดของประเทศ  และต้องการให้หยุดการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 โดยให้ฟังเสียงประชาชนก่อน” สำหรับมาตราที่ต้องแก้ไขมากที่สุด คือ มาตรา 23  ที่ระบุว่า ปิโตรเลียมเป็นของรัฐ ผู้ใดสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมในที่ใดไม่ว่าที่นั้นเป็นของตนเองหรือของบุคคลอื่น ต้องได้รับสัมปทาน การขอสัมปทานให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง แบบสัมปทานให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งเป็นจุดอ่อน เพราะการที่รัฐให้สัมปทานกับภาคเอกชน ทำให้ประชาชนถูกละเมิดสิทธิมากที่สุด เพราะใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานของภาครัฐไม่เต็มที่  ต้องการให้ภาครัฐ มองว่า ปิโตรเลียมต้องเป็นของประชาชนถูกต้องที่สุด   นอกจากนี้ยังมีมาตรา 22  เรื่องรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่มากเกินไป ทำให้ถูกยึดโยง คลอบงำโดยนักการเมืองได้สะดวก  , มาตรา 25 – 26  ระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียมตามสัมปทานมากเกินไป ทำให้ประชาชนเสียเปรียบ  มาตรา 64 ให้ผู้รับสัมปทานได้รับหลักประกันว่า รัฐจะไม่จำกัดการส่งปิโตรเลียมออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่กรณีตามมาตรา 61 ซึ่งต้องการให้ภาครัฐจำกัดการส่งออกปิโตรเลียม  เพื่อให้ใช้พลังงานในประเทศให้เพียงพอ เพราะทุกวันนี้ทางภาครัฐ จะระบุว่า พลังงานในประเทศไม่เพียงพอ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ     นายวิศรุต ตั้งสุนทรขัณฑ์ วิศวกรปิโตรเลียมชำนาญการพิเศษ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ  ตัวแทนกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า  การสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียมของไทย มีขั้นตอนโปร่งใสตรวจสอบได้ รวมทั้งการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมแต่ละแห่ง ก็มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ  ซึ่งการเปิดขุดเจาะสัมปทาน ต้องใช้เวลาในการสำรวจ เพราะการขุดเจาะแต่ละครั้งก็ไม่สามารถระบุได้ว่า จะมีแหล่งพลังงานเท่าไร และที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน จะทำแผนใด ๆ เช่น แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (แผนพีดีพี) และแผนพลังงานทดแทนของกระทรวงพลังงาน ก็ได้มีการสำรวจความเห็นของประชาชนแต่ละพื้นที่ก่อนอยู่แล้ว    

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แนะรัฐแก้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514

Posts related