นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานประธานบอร์ดบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารของบริษัท ไปวางแผนปรับแนวทางด้านธุรกิจและแผนการตลาดในการจำหน่ายบัตรอีกครั้ง เพื่อให้ประเมินได้ว่า จะต้องขายบัตรจำนวนเท่าใด และระยะนานแค่ไหน ถึงจะคุ้มค่าการลงทุน และไม่ต้องใช้งบประมาณจากรัฐบาลอีก โดยหลังจากนี้ แม้อีลิทการ์ดจะเป็นโครงการที่ดี แต่เนื่องจากธุรกิจแต่ละอย่างต้องปิดกิจการ หากว่าไม่สร้างผลกำไรได้ในระยะยาว ซึ่งอีลิทการ์ดก็เป็นกรณีหนึ่งเช่นกัน จากนี้จึงต้องวางแผนหากทางออกให้ยุติได้โดยไม่กระทบกระเทือนทุกฝ่าย“หลังจากมีการเปิดให้ทีพีซีดำเนินการจำหน่ายบัตรได้อีกครั้งเมื่อเดือน มิ.ย.56 ปรากฏว่าปัจจุบัน มียอดจำหน่ายแล้ว 23 ใบ แบ่งเป็นประเภทสมาชิกใบละ 2 ล้านบาท 13 ใบ และบัตรที่พ่วงกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ (ได้สิทธิเฉพาะวีซ่า) อีก 10 ใบ ดังนั้น จึงได้สั่งการให้ผู้บริหารทีพีซี ซึ่งเพิ่งได้รับงบประมาณกระตุ้นตลาด 200 ล้านบาท เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เร่งปรับแผนธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันแบบเร่งด่วน เพื่อนำรายได้เข้ามาหมุนเวียนในบริษัท เพราะลำพังงบประมาณ 200 ล้านบาทที่บริษัทได้รับไปนั้น ใช้ดำเนินกิจการได้เพียง 20 เดือนเท่านั้น”อย่างไรก็ตาม ททท.จะประชุมบอร์ดอีลิทการ์ดในวันที่ 29 พ.ค.นี้อีกครั้ง เพื่อดูแผนธุรกิจที่มีอยู่ในขณะนี้ และจะหารือกันว่าจะปรับกลยุทธ์ใหม่ได้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่องค่าคอมมิชชั่น ที่มีแนวโน้มว่าจะปรับเป็น 10-15% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5% ให้ตัวแทนที่จำหน่ายบัตรได้ตามจำนวนที่ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งต้องเป็นเป้าหมายที่สูงไม่ต่ำกว่า 50% ของจำนวนทั้งหมดนายอภิสิทธ์ ชื่นชมภู ผู้จัดการใหญ่ บริษัททีพีซี กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดวันที่ 29 พ.ค. จะเสนอให้ยืดเวลาการขายบัตรให้ยาวขึ้นจากเดิม ต้องขายให้ได้ 1,300 ใบภายในเดือน ก.ย.นี้ แต่เนื่องจากมีปัญหาทั้งเรื่องการได้รับงบประมาณที่ล่าช้า และมีเหตุการณ์ทางการเมืองทำให้การขายบัตรไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แนะอีลิทเร่งปรับแผนใหม่

Posts related