รายงานข่าวจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยผลศึกษาโครงการพัฒนาแนวทางอภิบาลระบบหลักประกันสุขภาพ พบว่าแนวทางระบบการบริหารจัดการด้านการคลังของระบบประกันสุขภาพของประเทศไทยให้เกิดประโยชน์มากที่สุดรัฐต้องพิจารณาการจัดเก็บภาษีสุขภาพ โดยยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมประกันสังคมเพื่อให้มีแหล่งเงินอุดหนุนบริการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่แน่นอนเพราะปัจจุบันการบริหารการคลังของระบบประกันสุขภาพของไทยพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐเป็นหลักและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลส่วนหนึ่งมาจากกองทุนประกันสังคมด้วยทั้งนี้ในแนวทางดำเนินการอาจต้องกำหนดฐานการจัดเก็บภาษีสุขภาพแบบกว้างเพราะประเทศไทยมีแรงงานในระบบน้อยและมีผู้จ่ายภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเพียงไม่กี่รายขณะเดียวกันอาจต้องพิจารณาแนวทางที่ประเทศฝรั่งเศสใช้ คือการเก็บจากภาษีที่หลากหลาย เช่น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และภาษีรายได้นิติบุคคลเนื่องจากธุรกิจจำนวนมากใช้บริการของแรงงานนอกระบบ เช่น ธุรกิจก่อสร้างรวมถึงเก็บจากภาษีทรัพย์สิน และภาษีสรรพสามิตเพื่อกระจายภาระค่าใช้จ่ายของรัฐที่สนับสนุนระบบประกันสุขภาพแห่งชาติในวงกว้าง“ระบบประกันสุขภาพของไทยใช้งบประมาณของภาครัฐและเงินกองทุนของระบบประกันสังคมรวมแล้วเป็นวงเงินเกือบ 200,000 ล้านบาทในแต่ละปีการบริหารจัดการจึงต้องมีความโปร่งใส ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อนและโครงสร้างของคณะกรรมการที่เข้ามาดูแลระบบประกันสุขภาพของประเทศจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งซึ่งองค์ประกอบของคณะกรรมการจะต้องให้เกิดความเท่าเทียมกันของกลุ่มผู้ใช้บริการรักษาพยาบาลที่หลากหลายโดยมีตัวแทนของผู้ที่เกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วนเข้ามาร่วมดัวย”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แนะเก็บภาษีสุขภาพ

Posts related