นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การขยายตัวเศรษฐกิจไทย(จีดีพี) ปี 57 จะต่ำกว่า 3% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีผลข้างเคียงต่อกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ทำให้เกิดความไม่สมดุลจากปัญหาเงินทุนไหลออก รวมทั้ง สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ หากยืดเยื้อจะเป็นแรงกดดันทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง ทั้งการลงทุน การอุปโภคและบริโภคของภาคเอกชน “ขณะนี้ สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติมากนัก โดยจะเห็นได้จากในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่เริ่มถอนทุนออกจากตลาดเกิดใหม่ของนักลงทุนต่างชาติ แต่ไทยยังไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ซึ่งจากการสำรวจพบว่านักลงทุนต่างชาติไม่ได้ตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยังเชื่อมั่นในพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะภาคเอกชน ขณะที่สถาบันการจันอันดับเรทติ้ง ทั้งมูดี้ส์และเอสแอนด์พี ที่ยังคงอันดับเรทติ้งของประเทศไว้ ไม่ได้ปรับลดลง” ทั้งนี้ ในระยะสั้นประเทศไทยยังมีภูมิคุ้มกันทางด้านเศรษฐกิจที่ดี 4 ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจไทยไม่มีปัญหาในด้านความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจมหาภาค เช่น อัตราเงินเฟ้อก็ไม่สูงมากนัก ดุลการค้าก็อยู่ในระดับที่ดี, นโยบายดอกเบี้ยที่สามารถใช้ดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนมีความยืดหยุ่น, สถานะเงินสำรองของประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคงมีถึง 50% ของจีดีพี รวมถึง ภาคเอกชน โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่ง  อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ทางการเมืองเกิดเป็นปัญหาเรื้อรังและยังหาข้อยุติไม่ได้ ที่ในครึ่งปีแรกยังไม่จัดตั้งรัฐบาล จะกระทบต่อด้านนโยบายและกระบวนการจัดทำงบประมาณปี 58 รวมทั้ง โครงการของภาครัฐที่ทำให้ภาคเอกชนได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งเหล่านี้จะทำให้ภูมิคุ้มกันข้างต้นอ่อนแอลงได้ เนื่องจากจะกระทบต้นทุน และเสียโอกาสการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แบงก์ชาติคาดเศรษฐกิจไทย ปี 57 ต่ำกว่า 3%

Posts related