ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง ได้โพสต์เฟสบุ๊คชื่อ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ตอบโต้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ได้ทำจดหมายเปิดผนึก ถึงนายกรัฐมนตรี โดยระบุให้ลาออกจากรักษาการนายกฯว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นการละเลยการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ไม่คำนึงว่าการดำรงอยู่ของรัฐบาล และนายกฯ ที่เป็นหลักประกันของการคงอยู่ซึ่งวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมโลกว่าประเทศไทยมีระบอบการเมืองการปกครองที่เข้มแข็ง พลเมืองมีความเท่าเทียมกันภายใต้ระบอบประชาธิปไตย มีความอดทนพร้อมที่จะพัฒนาการเมือง การปกครองให้เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเห็นว่า หลักคิดและการอธิบายความในปัญหาต่างๆ ที่สังคมทั่วไปในจดหมายเปิดผนึกเป็นข้อมูลที่รับรู้และรับทราบโดยทั่วไป ทั้งในเวทีระบบรัฐสภา ที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล และมีการชี้แจงเสร็จสิ้นแล้วและเป็นข้อมูลที่มีการพูดจากัน ทั้งก่อนและหลังที่รัฐบาลได้ยุบสภา อีกทั้งเมื่อมีการชุมนุมของประชาชน ประชาชนก็ได้นำข้อมูลที่ ม.ร.ว.ปรีดียาธร ได้นำมาเผยแพร่ เวทีผู้ชุมนุมโดยกล่าวหาเป็นรายวัน เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง และวันนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ก็กลับนำข้อมูลเดิมตามที่กล่าวมา มานำเสนอซ้ำอีก ในลักษณะแผ่นเสียงตกร่อง ทั้งสิ่งที่นำเสนอนั้น ไม่ใช่ข้อคิด ความเห็น หรือข้อมูลใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และต่อสถานะของรัฐบาลในปัจจุบัน ขณะเดียวกันในกรณีโครงการรับจำนำข้าวนั้นดำเนินการตั้งแต่เดือนต.ค. 54 ต่อเนื่องมา 4 ฤดูการผลิต สามารถจ่ายเงินค่ารับจำนำแก่ชาวนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นจำนวนเงินกว่า 6 แสนล้านบาท จนมาถึงฤดูกาลนาปี 56/57 ที่รับจำนำมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 56 ในช่วงต้นฤดูกาลและได้จ่ายเงินค่ารับจำนำไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยไม่ได้ล่าช้า แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดจากฝ่ายค้านทำให้การอนุมัติใช้งบประมาณประจำปีล่าช้า ส่วนประเด็นที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรฯ ยกเรื่องคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว มากล่าวหา นั้นไม่เป็นธรรม ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น สิ่งที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร รวมทั้งกลุ่มผู้โจมตีโครงการนี้มิได้พูดถึงเลยคือมูลค่าของข้าวที่อยู่ในสต๊อก ซึ่งมีมูลค่าอยู่ในตัวเอง รวมทั้งส่วนต่างที่ขาดหายไปนั้นแท้จริงแล้วอยู่ในมือชาวนา

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “โต้ง”โพสต์เฟสบุ๊คโต้”หม่อมอุ๋ย”

Posts related