นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการเดินทางไปโรดโชว์สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติเกี่ยวกับการลงทุนของภาครัฐ ตาม พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ และกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านม ได้ชี้แจงกับนักลงทุนว่าประเทศไทยมีแผนที่จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้ลดการพึ่งพาการส่งออก และพึ่งพาการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น จึงต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม และได้แจ้งกับนักลงทุนว่าขั้นตอนของการผลักดันกฎหมายฉบับนี้อยู่ในชั้นของวุฒิสภาแล้วอีกไม่นานจะสามารถประกาศใช้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้การโรดโชว์ดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนต่างชาติ และกำลังวางแผนว่าจะเดินสายโรดโชว์ไปในอีกหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ข้อมูลและความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งการโรดในโชว์ต่างประเทศจะควบคู่ไปกับการเดินสายชี้แจงกับประชาชนในจังหวัดต่างๆของประเทศไทยตามที่ได้มีการวางแผนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตามยังชี้แจงให้กับนักลงทุนทราบเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินกู้ทั้งแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและการลงทุนระบบป้องกันอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทย จะใช้การระดมเงินกู้ในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากประเทศไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในสัดส่วนที่สูงถึงประมาณ 170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 5.27 ล้านล้านบาท ซึ่งที่จริงแล้วอาจใช้เงินกู้ในประเทศหมดก็ได้ แต่การดำเนินการจะมีการออกพันธบัตรในต่างประเทศด้วยเพื่อไม่ให้คนกังวลว่าการกู้เงินครั้งนี้จะกระทบกับเงินทุนสำรองที่มีอยู่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า สัดส่วนการออกพันธบัตรเป็นเงินสกุลอื่นๆ เช่นเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะมีการออกพันธบัตรประมาณ 15 – 20% ของวงเงินเงินกู้ทั้งหมด หรือประมาณ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 235,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเงินจำนวนนี้ทั้งหมดนี้จะเป็นการนำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีจากต่างประเทศประมาณ 50% หรือประมาณ 37,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทย 115,000 ล้านบาท ดังนั้นสัดส่วนความจำเป็นในการออกพันธบัตรสกุลเงินต่างประเทศจะลดน้อยลงอีก สำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งนี้นอกเหนือจากการนำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีประเทศไทยอาจใช้โอกาสในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในการออกพันธบัตร ซึ่งจะเป็นโอกาสดีในการสร้างโครงสร้างตลาดบอนด์ของประเทศไทยในต่างประเทศเป็นบอนด์รัฐบาลไทยในเงินสกุลดอลลาร์ฯไปในตัว ซึ่งอาจจะไม่ต้องออกเต็มจำนวน 15 – 20% ของเงินกู้ แต่อาจออกเพียง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจะทยอยออกบอนด์ต่อเนื่องแต่ออกปีละไม่มากอาจเพียงแค่ปีละ 1,000 – 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 46,000 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 10 ปี จากนั้นในปีที่ 11 ก็จะมีการออกพันธบัตรเพื่อรีไฟแนนซ์ดอกเบี้ยในปีที่ 1 ก็จะทำให้พันธบัตรรัฐบาลไทยมีข้อมูลอยู่ในตลาดและได้รับความน่าเชื่อถือ และราคาบอนก์ที่สะท้อนในตลาดก็จะเป็นข้อมูลให้กับนักลงทุนและรัฐบาลที่ช่วยสะท้อนภาวะเศรษฐกิจของไทยในอนาคตด้วย ทั้งนี้นักลงทุนยังสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลของเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง ซึ่งชี้แจงว่าเป็นเพราะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการบริหารจัดการน้ำมีความล่าช้า แต่ก็ได้ให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่าในปี 57 การลงทุนในเรื่องต่างๆจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ส่วนสถาณการณ์การเมือง ได้ชี้แจงว่าในการต่อสู้กันทางการเมืองเหมือนกับกีฬาที่สองทีมต่อสู้กันในสนามแข่งขัน ถ้ามีทีมหนึ่งเล่นนอกกติกา และอีกทีมหนึ่งก็เล่นแรงเล่นนอกกติกาด้วยในสนามกีฬาก็จะเกิดภาวะจลาจล กรรมการก็ทำหน้าที่ไม่ได้ คนดูก็ไม่ประทับใจทีมใดเลย ในที่สุดก็ถือเป็นความล้มเหลวทางการเมือง ในทางตรงกันข้ามหากมีทีมหนึ่งเล่นแรงแต่อีกทีมหนึ่งยังพยายามเล่นในกติกา กรรมการก็จะยังทำหน้าที่ในฐานะผู้ตัดสินต่อไปได้ ส่วนจะตัดสินถูกใจหรือไม่ คนดูก็จะมีวิจารณญาณ “ในการเมือง คนดูมีความสำคัญเพราะเป็นคนลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในระบบประชาธิปไตย ต้องยอมรับว่าการเมืองในหลายประเทศมีความรุนแรงมากกว่าประเทศไทย แต่ประเทศเรายังคุมการเมืองที่อยู่ในระบบได้ในฐานะรัฐบาลไม่พยายามไปโต้เถียงและทำให้อุณหภูมิความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเมื่อชี้แจงแบบนี้นักลงทุนต่างชาติก็เข้าใจเป็นอย่างดี”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : โรดโชว์ 2 ล้านล้าน นักลงทุนนิวยอร์ก-ลอนดอนตอบรับดี

Posts related