นายนิวัฒน์ธำรงบุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์เปิดเผยว่าในระหว่างการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก(ดับเบิลยูทีโอ)ครั้งที่9ที่เมืองบาหลีประเทศอินโดนีเซียไทยได้มีการหารือร่วมกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรขนาดเล็กและขนาดกลาง (กลุ่มเคร์นส์)ซึ่งไทยต้องการให้กลุ่มเคร์นส์เพิ่มบทบาทและร่วมกันผลักดันการเจรจาประเด็นเกษตรในดับปลิวทีโออย่างเข้มข้นและให้มีการเปิดเสรีเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรของประเทศในสมาชิกสามารถขายสินค้าเกษตรได้มากขึ้นในราคาที่เป็นธรรม “กลุ่มเคร์นส์ได้ยืนยันท่าทีของกลุ่มที่จะผลักดันการเจรจาเพื่อปฏิรูประบบการค้าสินค้าเกษตรไม่ว่าจะเป็นการเปิดตลาดให้มากขึ้นการลดการอุดหนุนภายในที่บิดเบือนการค้าและยกเลิกการอุดหนุนการส่งออกทุกรูปแบบ” นอกจากนี้ยังได้มีการหารือกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นสมาชิกดับปลิวทีโอจำนวน23ประเทศ(จี-20) ในเรื่องการเจรจาสินค้าเกษตร โดยต้องการให้ประเทศพัฒนาแล้วเปิดตลาดสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นและให้ลดยกเลิกมาตรการที่ส่งผลให้เกิดการบิดเบือนการค้าสินค้าเกษตรของโลกซึ่งไทยได้ชื่นชมบทบาทของกลุ่มที่ร่วมกันผลักดันข้อเสนอเพื่อขยายการเปิดตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้วแต่ให้ความยืดหยุ่นกับประเทศกำลังพัฒนา สำหรับการประชุมรัฐมนตรีดับปลิวทีโอในครั้งนี้สมาชิกต้องการได้ผลลัพธ์ของการประชุมที่เป็นประโยชน์จากการเจรจาการค้ารอบโดฮาที่ยืดเยื้อมากว่า 12 ปีมาใช้งานได้บางส่วนก่อนเนื่องจากบางรายวิตกว่าหากการเจรจาที่บาหลีครั้งนี้ไม่บรรลุผลสมาชิกจะหันไปเจรจาการค้าเสรีระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาคมากยิ่งขึ้นจึงลดความสำคัญของดับปลิวทีโอ ลงซึ่งจะไม่เป็นผลดีเพราะดับปลิวทีโอเป็นองค์กรผลักดันระบบการค้าเสรีในวงกว้างและวางกฎเกณฑ์ทางการ นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า ในส่วนของไทยได้ยืนยันและให้ความสำคัญในการผลักดันเรื่องเกษตรโดยคาดหวังว่าผลการเจรจาจะช่วยขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทยในต่างประเทศและไทยยังให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาเนื่องจากเห็นว่าการเพิ่มศักยภาพของประเทศพัฒนาน้อยที่สุดและการนำประเทศเหล่านั้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบการค้าโลกจะทำให้การค้าโลกมีการขยายตัวและประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของการค้าโลกดังกล่าว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไทยร่วมประชุมดับเบิลยูทีโอ

Posts related