ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถอัพเกรดจากวินโดวส์XP ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว 2 เครื่องมือฟรีล่าสุดช่วยตรวจสอบระบบปฏิบัติการของผู้บริโภคที่ยังไม่แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ของตนเองกำลังใช้ระบบใดอยู่ผู้บริโภคที่ยังคงใช้วินโดวส์ XP ทั้งไลเซนส์ประเภทโฮม  Home และโปรเฟสชันแนล  จะได้รับคำเตือน (notification) ผ่านวินโดวส์ อัพเดท  ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม2557 เวลา 15.00 น ที่ผ่านมา คำเตือนดังกล่าวจะแจ้งวันสิ้นสุดการให้บริการพร้อมทั้งเชิญชวนให้ไปที่เว็บไซต์ www.windows.com เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของการสิ้นสุดการสนับสนุนดังกล่าว จากข้อมูลของ StatCounter และรายงานIDC Worldwide PC Tracker พบว่า ในประเทศไทย ยังมีผู้ใช้กว่า25.32% ที่ใช้งานวินโดวส์ XP อยู่ หรือราว 2.5 ล้านเครื่อง  ในขณะที่วินโดวส์ 7 และวินโดวส์ 8มีสัดส่วนผู้ใช้งานอยู่ที่ 52.62% และ 4.88% ตามลำดับ โดยภายใน 12 เดือนที่ผ่านมาวินโดวส์ 8 มีจำนวนผู้ใช้มากขึ้นถึง 84% ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2557 เป็นต้นไปไมโครซอฟท์จะยุติการอัพเดทซอฟต์แวร์และระบบรักษาความปลอดภัย รวมไปถึงการให้บริการด้านเทคนิคต่างๆสำหรับวินโดวส์ XP ที่มีอายุ 12 ปี และ Office 2003ที่มีอายุ 10 ปี ซึ่งแปลว่าผู้ใช้จะไม่ได้รับการอัพเดทต่างๆที่สามารถช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์จากไวรัสอันตราย สปายแวร์และซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายอื่นๆ   นายรชฏ อิศรางกูร ณ อยุธยาผู้จัดการกลุ่มธุรกิจและการตลาดวินโดวส์ และ เซอร์เฟซ บริษัท ไมโครซอฟท์(ประเทศไทย) กล่าวว่า  วินโดวส์ XP และOffice 2003เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงและช่วยเพิ่มประสิทธิผลทั้งในการทำงานและการพักผ่อนให้กับผู้ใช้นับร้อยล้านคนทั่วโลกแต่เมื่อเวลาผ่านไป 12 ปี การใช้เทคโนโลยีของผู้คนก็ย่อมเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยไม่เพียงพอต่อความต้องการในโลกสมัยใหม่ที่มีการเชื่อมต่อถึงกันตลอดเวลา” ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัววินโดวส์ XPเมื่อเดือนตุลาคม  2544ซึ่งโน๊ตบุ๊คในสมัยนั้นทั้งหนา ทั้งหนักซ้ำยังมีแบตเตอรีที่มีอายุการใช้งานสั้นและมีราคาที่สูงมาก นอกจากนั้นจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในปี 2544 คิดเป็นอัตราส่วนเพียง 8% ของประชากรโลกซึ่งไม่สามารถเทียบได้กับ 39% ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ในสมัยก่อนเราใช้เพียง PDAซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาที่ไม่สามารถแม้แต่จะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ในขณะที่ดีไวซ์ที่เรารู้จักและคุ้นเคยในปัจจุบันล้วนแล้วแต่ใช้งานได้ด้วยระบบสัมผัสและยังสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมผ่านแอพพลิเคชันและเครื่องมือต่างๆ   ผู้บริโภคส่วนมากมักไม่ให้ความสำคัญกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยและมีความคิดว่าตนเองจะไม่ตกเป็นเป้าของซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายและแฮคเกอร์แท้จริงนั้นข้อมูลส่วนตัวที่เราได้รวบรวมและแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาถือเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างมหาศาลสำหรับแฮคเกอร์ นอกจากนี้ รายงาน SecurityIntelligence Report (Vol. 15) ของไมโครซอฟท์พบว่า วินโดวส์ XP SP3นั้นมีความเสี่ยงในด้านดังกล่าวมากกว่า วินโดวส์ 8 ถึง 5.68 เท่าและยังมีอัตราการติดไวรัสต่างๆ มากกว่าถึง 82.4% หากจะคิดง่ายๆ ก็คือโอกาสที่ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ จะสูญหายไปจากอุปกรณ์ที่ใช้วินโดวส์ XP นั้นมีสูงกว่าในอุปกรณ์สมัยใหม่ที่ใช้วินโดวส์8   การยุติการสนับสนุนผลิตภัณฑ์หลังสิ้นอายุการใช้งานนั้น นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์โดยซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์โดยส่วนใหญ่มักได้รับการสนับสนุนและการบริการเป็นเวลา 10ปี แต่วินโดวส์ XP นั้น ได้รับการสนับสนุนยาวนานกว่า 12 ปีซึ่งถือได้ว่ามากกว่าวินโดวส์เวอร์ชั่นใดๆ ที่เคยมีมา นายรชฏ ระบุว่า ราคาไม่น่าจะเป็นปัญหาในการอัพเกรดอีกต่อไปเพราะราคาเฉลี่ยของพีซีในวันนี้ได้ลดต่ำลงกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี    

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไมโครซอฟท์เตือนอีกครั้งสิ้นสุดบริการวินโดวส์ XP

Posts related