น.ส.บุษบา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสมาคมได้ยื่น 11 มาตราการ เพื่อขับเคลื่อนดัชนีสมาคมค้าปลีกไทยให้กลับมาเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 6-7% แก่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หลังจากช่วงต้นปีที่ผ่านมาเผชิญกับปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งผลให้อุตสาหกรรมเติบโตไปเพียง 4.6% ทั้งนี้ 11 มาตราการ ประกอบด้วย เสนอให้จัดตั้งกระทรวงพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เพราะปัจจุบันผู้ดำเนินธุรกิจเอสเอ็มอีที่เกี่ยวเนื่องในธุรกิจค้าปลีกมีปริมาณสูงถึง 85% ของผู้ประกอบการทั้งหมด, เร่งหามาตราการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน, รัฐบาลควรให้การสนับสนุนการขยายตัวของภาคค้าปลีกอย่างชัดเจน เนื่องจากภาคค้าปลีกสร้างรายได้ให้แก่ประเทศมากเป็นอันดับสอง หรือ 14% ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) , ยกเลิกภาษีเงินกำไรจากการลงทุนในต่างประเทศ ส่งเสริมให้นักลงทุนนำเงินกลับประเทศ, ลดภาระค่าครองชีพ ด้วยการตรึงราคาสินค้าจำเป็น ขณะเดียวกันได้รวมถึง การส่งเสริมการค้าชายแดน รวมถึงอำนวยความสะดวกด้วยการเปิดหน้าด่านและพัฒนาเส้นทางขนส่งเพื่อให้ส่งสินค้าได้รวดเร็ว, สร้างความเชื่อมั่นเรียกบรรยากาศการจับจ่ายและการลงทุน โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว, ลดราคาภาษีสินค้าหรูให้เหลือ 0-5% จากปัจจุบันที่ 25-40% เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและพัฒนาไทยเป็นจุดมุ่งหมายในการท่องเที่ยวแบบครบวงจร, ส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีในสนามบิน ให้เกิดการแข่งขัน สร้างรายได้เพิ่มให้ประเทศ, รัฐบาลควรให้การสนับสนุนผู้ค้าปลีกไทยในการลงทุนในต่างประเทศ และเสนอให้ตั้งหน่วยงานที่เป็นศูนย์กลางในการออกใบอนุญาตทั้งหมดให้เสร็จขั้นตอนเดียว “ช่วงครึ่งปีหลังภาคค้าปลีกน่ากลับมาเติบโตได้ดีขึ้นจากการสนับสนุนของคสช. ประกอบกับแนวโน้มโดยรวมที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว โดยจะเห็นได้ชัดในไตรมาส4 ซึ่งภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยส่งเสริมหลัก รวมถึงการอนุมัติงบการลงทุนภาครัฐฯในปี58 ที่กำลังจะออกมา ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีความมั่นใจและเดินหน้าลงทุนอีกครั้ง ทำให้เกิดการจ้างงานสร้างรายได้ กระตุ้นให้ธุรกิจค้าปลีกกลับมาคึกคัก” ทั้งนี้ใน6 เดือนที่ผ่านมาภาพรวมดัชนีสมาคมค้าปลีกไทยเติบโตเพียง 4.6% จากการชะลอการจับจ่าย เพราะบรรยากาศภายในประเทศไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้การบริโภคสินค้าไม่คงทน หรืออาหาร เติบโต 5.0% จากปีก่อนที่เติบโต 4.5% ซึ่งเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นจากอัตราการบริโภคปีก่อนที่หดตัวลงจากปกติ สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำรวมถึงเกษตรกรว่ายัง ไม่ฟื้นตัว โดยอาจมาจากราคาผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ ประกอบกับภาระหนี้สินของครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชง11มาตรการกระตุ้นค้าปลีกเติบโต
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs