นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้ ตัวเลขผู้ใช้สิทธิ์ในโครงการรถคันแรกที่ได้รับเงินคืนไปแล้ว แต่กรมสรรพสามิตต้องติดตามเงินคืนพบว่ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปี 56 ที่ผ่านมา จากหลัก 10-20 ราย เป็น 511 ราย หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50 เท่า ในปี 57 แบ่งเป็น การปฏิบัติผิดเงื่อนไข 485 ราย มีขอผ่อนชำระคืน 5 ราย และส่งเอกสารให้กรมบัญชีกลางฟ้องร้อง 21 ราย เนื่องจากประชาชนที่เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดกับบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อ (ลีสซิ่ง) ได้ และไม่ได้ถือครองรถยนต์ครบ 5 ปีตามที่โครงการกำหนดไว้ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามความเคลื่อนไหวในโครงการรถคันแรก เพราะหลังจากโครงการสิ้นสุดลงเมื่อปลายปี 55 พบว่า มีประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีแนวโน้มนำเงินมาคืนให้กรมฯ ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ที่เข้าโครงการ เพราะไม่สามารถครอบครองรถยนต์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ 5 ปีได้ รวมทั้ง ได้ประสานกับบริษัทลีสซิ่งเพื่อตรวจสอบข้อมูลในอนาคตว่า จะมีการยึดรถคืนหรือไม่ แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะการปล่อยกู้นั้นจะต้องดูรายละเอียด และความสามารถในการผ่อนรถของผู้ที่ใช้สิทธิโครงการรถคันแรกอยู่แล้ว“มองว่าตัวเลขการนำเงินมาคืนให้กรมฯ ประมาณ 511 รายนั้น ยังไม่น่าเป็นห่วงเมื่อเทียบกับผู้ที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 1.25 ล้านราย ถือเป็นสัดส่วนที่น้อย เพราะผู้ที่ได้รับสิทธิ์แต่นำเงินมาคืนอาจมีเหตุผลทางการเงินที่ไม่สามารถผ่อนชำระต่อและครอบครองรถยนต์ครบตามเวลากำหนดไว้ รวมทั้ง บางรายต้องการที่จะเปลี่ยนรถยนต์รุ่นใหม่ ทำให้ต้องนำเงินมาคืนให้กับกรมฯ เพื่อไม่ให้ถูกการฟ้องร้อง ซึ่งเรื่องดังกล่าวผู้ที่เข้าร่วมโครงการรับทราบดีอยู่แล้ว”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สรรพสามิตเผยแนวโน้มติดตามเงินคืนพุ่ง

Posts related