ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคสช.เพื่อขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการแก้กฎหมายเดิม ที่กำหนดให้เอาผิดทางแพ่งในความผิดบางประเภทเพิ่มเติม จากเดิมที่กำหนดไว้แต่ทางอาญาเท่านั้น เพื่อทำให้การเอาผิดดำเนินการได้รวดเร็ว และทันสถานการณ์มากยิ่งขึ้น และยังป้องกันผู้เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบในตลาดทุนนอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดฐานความผิด ในส่วนของการกระทำที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น การเพิ่มเติมบทสันนิษฐาน เพื่อลดภาระของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) โดยกำหนดให้ผู้มีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัทผู้สอบบัญชีให้สันนิษฐาน ไว้ก่อนว่าเป็นบุคคลที่รู้ หรือครอบครองข้อมูลภายใน เว้นแต่จะพิสูจน์ได้เป็นประการอื่น เป็นต้นขณะเดียวกันในกฎหมายฉบับใหม่ที่แก้ไข ยังกำหนดห้ามไม่ให้บุคคลใด ซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ซื้อหรือขายหรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ ไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น และการเปิดเผยข้อมูลภายใน ไม่ว่าโดยตางตรง หรือทางอ้อม และไมว่าด้วยวิธีใด แก่บุคคลอื่นต่อไป โดยรู้หรือควรรู้ว่าผู้รับข้อมูลอาจนำข้อมูลนั้น ไปใช้ประโยชน์ในการซื้อหรือขายหรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์“เมื่อคสช.เห็นชอบกฎหมายฉบับนี้แล้ว จะนำเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาตามกระบวนการต่อไปโดย กระทรวงการคลังรายงานว่า กฎหมายฉบับนี้จะทำให้เกิดความรวดเร็วในการพิจารณาความผิด และทำให้เกิดการส่งเสริมการซื้อขายหลักทรัพย์อย่างตรงไปตรงมา”ก่อนหน้านี้นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการก.ล.ต.ระบุว่า การเสนอให้ลงโทษทางแพ่งเพิ่มขึ้นนั้น เป็นการเพิ่มเครื่องมือลงโทษผู้กระทำความผิด รวมถึงช่วยดูแลความผิดปกติในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งมองว่าควรรีบใช้มาตรการลงโทษดังกล่าว เพื่อให้ทันกับผู้ที่กระทำความผิดในคดีทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ ก.ล.ต.ได้ศึกษาเรื่องนี้มาเป็นเวลา 1 ปีทั้งนี้ เพราะปัจจุบันนี้การเอาผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯจะเอาผิดทางอาญาอย่างเดียว ทำให้ต้องใช้เวลานานในการตรวจสอบ เพราะต้องผ่านการตรวจสอบในกระบวนการต่าง ๆ ทั้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยการปรับปรุงกฎหมาย และการลงโทษทางแพ่งเพิ่มเติมที่ก.ล.ต. เสนอ เช่น เมื่อผู้กระทำความผิดแสวงหาประโยชน์จากตลาดหุ้นไปจำนวนเท่าใดก็ต้องนำเงินดังกล่าวมาคืนรัฐ พร้อมทั้งเสียค่าปรับประมาณ 2-3 เท่า ของยอดเงินที่กระทำความผิด ซึ่งขึ้นกับคณะกรรมการจะพิจารณาว่าผู้กระทำความผิดในแต่ละรายต้องเสียค่าปรับกี่เท่า นอกจากนี้จะห้ามไม่ให้ผู้ที่ทำผิดเข้ามาทำธุรกรรมซื้อขายในตลาดทุนอีก 5 ปี หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายบางข้อชัดเจน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คสช.เพิ่มโทษขาใหญ่ปั่นหุ้น ทั้งแพ่ง-อาญา

Posts related