นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการที่ประชุมสหประชาชาติ ว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยต่อจากนี้ไป จะไม่สามารถพึ่งพิงการส่งออกได้อีกต่อไปแล้ว หลังจากที่การส่งออกของไทยขยายตัวเพียง 5-10% ไม่ใช่ขยายตัวถึง 15% เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และคงเป็นไปได้ยากขึ้น หากส่งออกได้ระดับ 5-10% ก็ถือว่ายังมีความเป็นไปได้ขณะที่การบริโภคภายในประเทศนั้น มองว่าเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจไทยได้ แต่ขณะนี้การใช้จ่ายประชาชนยังขยายตัวได้น้อย ไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อระดับ 2% นั้น เป็นอัตราที่รับได้ ส่วนความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม การลงทุน หากจะเดินหน้าได้ นอกจากความสงบการเมืองแล้ว ต้องขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลได้ดำเนินการตามนโยบายหรือไม่ ซึ่งสะท้อนได้จากดัชนีภาคอุตสาหกรรมในปีที่ผ่านมาไม่เพิ่มขึ้นเลยส่วนปีนี้ เชื่อว่าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จะเติบโตติดลบ 20% และอนาคต อินโดนีเซียจะเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์มากกว่าประเทศไทย เพราะมีประชากรมากกว่า ดังนั้นการลงทุนขยายเพิ่มในภาคอตุสาหกรรมยานยนต์ไทย จึงไม่เห็นความชัดเจน ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า การลงทุนก็ไม่ขยายตัวเช่นกัน และไม่แน่ใจว่ารูปแบบสินค้าที่ประเทศไทยผลิตนั้น จะเป็นไปตามแบบแผนของโลกหรือไม่ ซึ่งประเทศเวียดนาม และเกาหลี ได้เข้าไปลงทุนภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่แล้วนายศุภชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ประเทศไทยใช้น้ำมาก โดยไม่มีต้นทุน ขณะที่ได้ข้าวคุณภาพต่ำ และมากกว่าปกติ ดังนั้นเห็นว่า ถึงเวลาแล้วประเทศไทยต้องลดการปลูกข้าวนาปรังลง และหันไปปลูกพืชชนิดอื่นแทนที่มีราคาดีขึ้น และเห็นว่ามันสำปะหลัง ที่ใช้ผลิตเอทานอล ในอนาคตข้างหน้า จะต้องนำนโยบายด้านพลังงานมาพิจารณาเพิ่มด้วย เพราะขณะนี้โลกหันมาให้ความสำคัญลดภาวะโลกร้อน ด้วยนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืน เน้นประหยัดพลังงาน และไทยจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย“เชื่อว่าปีหน้า เมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) และเออีซี ผนวกเข้ากับอีก 6 ประเทศ จะทำให้มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ และเป็นตัวช่วยพยุงเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งก้าวไปสู่การเข้าไปควบคุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ อย่างไรก็ตาม เอเชียควรตั้งกองทุนการเงินของตัวเอง (เอเอ็มเอฟ) เพื่อดูแลและช่วยเหลือเศรษฐกิจประเทศในเอเชียด้วยกัน”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “ศุภชัย”ยันไทยพึ่งส่งออกไม่ได้แล้ว

Posts related