นายสมเกียรติ อนุราช รองประธานกรรมการหอการค้าไทยเปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับหอการค้าและอุตสาหกรรมสหภาพเมียนมาร์ ว่า หอการค้าไทยและหอการค้าเมียนมาร์มีมติร่วมกันให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมไทยเมียนมาร์เขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นเพื่อจัดทำเเผนเเม่บทที่จะใช้ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดให้เป็นเขตเศรษฐกิจที่ครบวงจร เพื่อเปิดโอกาสในการเคลื่อนย้ายแรงงาน สินค้า รวมถึงการค้า การลงทุนของทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นคาดว่าจะใช้เวลา 6-9 เดือนในการจัดทำแผนแม่บทดังกล่าวสำเร็จ ก่อนจะนำเสนอให้กับรัฐบาลของทั้ง 2 ฝ่ายพิจารณา เห็นชอบต่อไป"จากการที่ได้หารือกับสภาพัฒน์แล้วเห็นว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษจะต้องมีหลายรูปแบบคือ เป็นแหล่งการค้า เป็นเขตอุตสาหกรรม เป็นแหล่งท่องเที่ยว ในเบื้องต้นเห็นว่าแม่สอดเหมาะสมที่จะพัฒนาให้เป็นทั้งแหล่งการค้าการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมได้ จึงเตรียมส่วนนี้เข้าไปอยู่ในแผนแม่บทด้วยอีกทั้งแผนแม่บทดังกล่าวจะต้องเป็นการส่งเสริมและพัฒนาในเรื่องของการอำนวยความสะดวก ด้านการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวรวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานของทั้งสองฝ่ายให้ครอบคลุมเพื่อเพิ่มการค้าการลงทุนตามแนวชายแดนด้วย"พร้อมกันนี้ในแผนแม่บทยังจะมีการเสนอให้รวม3 อำเภอของจังหวัดตากได้แก่ อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และ อ.พบพระอยู่ในพื้นที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเพื่อให้จังหวัดตากเป็นจังหวัดนำร่องของเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยด้วยโดยในเบื้องต้นการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษยังไม่มีความชัดเจนเท่าที่ควรทั้งในส่วนของสถานที่ตั้ง และผลประโยชน์ ซึ่งยังอยู่ระหว่างหาข้อสรุปที่ชัดเจนต่างจากประเทศเมียนมาร์มีความชัดเจนเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้วอย่างไรก็ตามเชื่อว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายให้การสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยต้องสอดคล้องกับของประเทศเพื่อนบ้านทั้งนี้ในการประชุมแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจไทย-เมียนมาร์ ยังได้หารือถึงความเหมาะและศักยภาพเชิงพื้นที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งไทยมีการระบุที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 3 จังหวัด คือ แม่สอด แม่ระมาด พบพระ จ.ตาก, จ.กาญจนบุรีและ แม่สาย จ.เชียงราย ส่วนของเมียนมาร์ ได้แก่ เมียวดี ผาอัน และเมาะละแหม่ง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หอฯไทย-เมียนมาร์จับมือพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ

Posts related