นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจประชาชนถึงสถานการณ์ต่างๆภายในประเทศว่าปัญหาหลักของประชาชนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของหนี้สินรองลงมาเป็นราคาสินค้าแพง และราคาพืชผลตกต่ำส่งผลให้ประชาชนต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้นเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือส่วนหนึ่งนำไปชำระหนี้เดิม แต่ที่น่าเป็นห่วงคือสัดส่วนหนี้นอกระบบได้เพิ่มจากการสำรวจครั้งก่อนที่มีสัดส่วน49.1%เป็น 50.4% ซึ่งเป็นครั้งแรกที่หนี้นอกระบบของประชาชนสูงกว่าหนี้ในระบบส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเกษตรกร และกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือนกู้มากที่สุด ส่วนยอดหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนในภาพรวมก็เพิ่มจาก 210,000 บาทเป็น220,000 บาทต่อครัวเรือน“ผลสำรวจยังพบว่าประชาชน 38.1%เห็นว่าเศรษฐกิจไทยปัจจุบันเหมือนเดิมเมื่อเทียบปี56 อีก 34.2%เห็นว่าดีขึ้น และ 27.7%เห็นว่าแย่อยู่ แต่หากเทียบกับครึ่งปีแรก 57ประชาชน 42.3%เห็นว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้น อีก 37.6%เห็นว่าเท่าเดิม และ 20.1%เห็นว่าแย่ ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ระบุเชื่อมั่นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐระดับปานกลางและเชื่อมั่นมาก”อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่านโยบายและมาตรฐานกระตุ้นเศรษฐกิจในปัจจุบันของรัฐจะทำให้การบริโภคมากขึ้นหรือไม่ พบว่า 25.2%เห็นว่าไม่เลย อีก 44.3%เห็นว่าน้อยถึงน้อยมาก เพราะราคาค่าครองชีพสูงไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจ รายได้ยังไม่เพิ่ม ภาระหนี้สินสูง และราคาพืชผลเกษตรตกต่ำขณะที่ อีก 25.4%ระบุปานกลาง และ5.1%ระบุมากนางเสาวณีย์กล่าวว่าจากผลสำรวจเป็นครั้งแรกในรอบปีที่ประชาชน 55.7%ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจจากเดิมเร่งแก้ปัญหาการเมืองและสังคม โดยประชาชนระบุไม่เห็นด้วยอย่างมากต่อนโยบายรัฐบาลคือการปรับขั้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งอนุมัติเงินสร้างหรือปรับปรุงสนามบิน 6 แห่ง มาตรการงดทำนาปรัง 22 จังหวัดส่วนที่เห็นด้วยมากสุด คือแก้กฎระเบียบที่ล้าสมัย มาตรการดูแลควบคุมค่าครองชีพ มาตรการลดต้นทุนให้ชาวนาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยประชาชนเสนอให้รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันแรกโดยเฉพาะเรื่องหนี้สินและค่าครองชีพสูง กระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีกว่าปัจจุบันแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ดูแลรายได้คนไทย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : โพลล์หอการค้าชี้สัดส่วนเงินกู้นอกระบบพุ่ง 50.4%

Posts related