นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังนายแมท แบรดลีย์ ประธานฟอร์ด ภูมิภาคอาเซียนเข้าหารือว่า ผู้บริหารฟอร์ด ระบุว่า ไทยยังเป็นฐานการผลิตหลัก (ฮับ ) เห็นได้จากที่ผ่านมาได้ปิดโรงงานในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์แล้วมาเพิ่มการผลิตในไทย และเมื่อวันที่3 ต.ค. ที่ผ่านมาฟอร์ดได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในโครงการถรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่2 (อีโคคาร์ 2) ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตของฟอร์ดให้สูงขึ้นไปอีกอย่างน้อย 100,000 คันต่อปี ตามเงื่อนไขการลงทุนในอีโคคาร์2 จากปัจจุบันที่ฟอร์ดมีกำลังการผลิตอยู่ 400,000 คันต่อปี แต่มีการผลิตอยู่ 150,000 คันต่อปี “ฟอร์ดระบุว่าในการผลิตอีโคคาร์ 2 ทั้งหมดจะเป็นไปเพื่อการส่งออก 2 ใน 3 ของการผลิตทั้งหมด ส่วน 1 ใน 3 จะขายในประเทศ ส่วนข้อกังวลที่เขามีตอนนี้คือความชัดเจนเรื่องภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ซึ่งก็รับว่าจะดูเรื่องนี้ให้ ดดยได้ให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) ไปหารือกับสรรพสามิตต่อไป โดยขณะเดียวกันฟอร์ด ถือเป็นผู้ผลิตที่มีความแข็งแกร่งหลังจากมีการปรับโครงสร้างโดยแยกตัวออกจากมาสด้า และในช่วงที่เผชิญกับวิกฤตการเงินในสหรัฐ หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ก็ได้มีการขายหุ้นในหลายบริษัที่เข้าไปถือหุ้นไม่ว่าจะเป็นวอลโว่ จาร์กัว รวมๆ แล้วประมาณ 6 บริษัท และตอนนี้หันมามุ่งบริหารจัดการเฉพาะแบรนด์ฟอร์ด” นายแมท แบรดลียร์ ประธานฟอร์ด ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า ขณะนี้ยังมองตลอดประเทศไทยในเชิงบวก แม้ช่วงที่ผ่านมายอดขายรถทั้งระบบจะชะลอลง แต่เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งในส่วนของฟอร์ด ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้และยังเพิ่มขึ้นมาเป็น 5% จากปลายปีที่แล้วที่มีส่วนแบ่งอยู่ 3% ทั้งนี้ฟอร์ดมองว่าไทยยังคงเป็นฮับการผลิตของภูมิภาคอาเซียน โดยในส่วนรถยนต์อีโคคาร์ที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมฯ ไปนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ารถจะออกสู่ตลาดเมื่อไร แต่จะเป็นการผลิตทั้งเพื่อส่งออกและขายในประเทศ ซึ่งภายใต้โครงการนี้บริษัทฯ ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 606 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 18,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 180,000 คันต่อปี

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ฟอร์ดชี้ไทยฐานผลิตรถยนต์

Posts related